การเลือกอาชีพก็เหมือนกัน สมมุติว่าคุณเลือกทำงานเป็นที่ปรึกษาบริษัท ก็แสดงว่าคุณต้องสละโอกาสทำงานที่บริษัทการเงินหรือบริษัทอินเตอร์เน็ตซึ่งกำลังเป็นสายอาชีพที่พัฒนารวดเร็ว หมายความว่าคุณสละชีวิตที่สุขสบายเพราะต้องทำงานที่ต่างจังหวัดบ่อยๆ
หลายต่อหลายครั้งที่เราอยากได้แต่ไม่อยากสละ จึงทำให้ตัวเราเองต้องสับสน เช่นไม่ยอมสละชีวิตที่สุขสบายแต่อยากให้กิจการงานของตนพัฒนารวดเร็ว ไม่อยากสละเงินเดือนสูงในตอนนี้แต่อยากเปลี่ยนอาชีพอื่นที่ไม่ต้องยุ่งแบบนี้ ไม่ยอมสละคู่รักที่ไม่ค่อยเหมาะกับตนแต่หวังว่าอนาคตจะมีความสุข......
การที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้แสดงศักยภาพของตนออกมาอย่างเต็มที่ และได้ผลตอบแทนที่ควรได้นั้นเพราะว่า จับสิ่งที่มีอยู่แล้วในมือไม่ยอมปล่อย
อยากได้บางสิ่งบางอย่าง ก็ต้องยอมเสียสละบางสิ่งบางอย่าง นี่คือกฎพื้นฐานของโลก
"ชีวิตเราไม่มีคำว่าถ้าหาก มีแต่ผลที่ตามมา"
เมื่อกลับมองชีวิตเรา อาจพบว่า การตัดสินใจที่สำคัญหลายครั้ง เวลาทำนั้น เราไม่ได้เห็นว่าจะเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ วันที่เราตัดสินใจไม่มีอะไรพิเศษกว่าปกติ เช่น วันที่คุณรู้จักกับคู่รักคุณ วันที่คุณตัดสินใจว่าจะสอบปริญญาโทต่อหรือไปทำงาน วันที่คุณเลือกทำในบริษัทไหน
ในทางตรงกันข้าม การตัดสินใจที่คุณเคยคิดว่าสำคัญเป็นพิเศษนั้น เมื่อทบทวนแล้วอาจจะไม่ได้สำคัญอย่างที่คิดก็ได้ เช่นคู่รักที่คุณเคยคิดว่าอาจจะอยู่กับคุณตลอดชั่วนิรันดร์นั้น อาจจะเป็นเพียงคนที่อยู่เป็นเพื่อนกันเป็นระยะหนึ่งในชีวิตคุณ
ชีวิตเรามีช่วงเวลาสำคัญหลายช่วงที่เกิดขึ้นแล้วจึงพบว่าเป็นช่วงสำคัญ เพราะฉะนั้น การเลือกเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าควรเลือกยังไง แต่เป็นท่าทีต่อการเลือกของเรา