คณะผู้สื่อข่าวอาเซียน ซึ่งประกอบด้วยผู้สื่อข่าวไทย ลาว กัมพูชา พม่า และเวียดนาม ได้เดินทางไปทำข่าวที่หังโจว (杭州, Hangzhou) ตามโครงการ "สื่ออาเซียนท่องจีน" โดยความร่วมมือของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติจีนกับสถานีวิทยุกระจายเสียงระหว่างประเทศแห่งชาติจีน (CRI) ช่วงการทำข่าวเป็นเวลา 4 วันระหว่างวันที่ 8-11 มกราคมปี 2018 นี้ คณะผู้สื่อข่าวอาเซียนต่างกล่าวชื่นชมว่า หังโจวเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก
หังโจวเป็นเมืองเอกมณฑลเจ้อเจียง มีประวัติมากว่า 2,200 ปีตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉิน (ปี 221-207 ก่อนคริสตกาล) ต่อมาเคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นอู๋เย่ว์ (吴越国, Ng-Yuih Kingdom, ค.ศ.907-978) และเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งใต้ (南宋, Southern Song, ปี ค.ศ.1127-1279) เนื่องจากมีทัศนียภาพสวยงาม จึงได้สมญานามว่าเป็น "สวรรค์บนดิน"
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของหังโจว เมืองเอกมณฑลเจ้อเจียงมีหลายสิบแห่ง หากจะเที่ยวให้ครบ ก็ควรอยู่หังโจวเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ แล้วจะไม่อยากกลับ บางคนมาเที่ยวหลายครั้งก็ยังเที่ยวไม่ครบเลย
ช่วงระหว่างการทำข่าวที่เมืองหังโจว คณะผู้สื่อข่าวอาเซียนได้เดินทางไปทำข่าวที่แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของหังโจว เช่น ทะเลสาบซีหู (West Lake Cultural Landscape of Hangzhou) วัดหลิงหยิ่นซื่อ (LingYin Temple) พื้นที่ชุ่มน้ำซีซี (Xixi Wetland Park) คลองขุดใหญ่แห่งประเทศจีน (The Grand Canal of China) ทั้งได้ลิ้มลองอาหารที่มีชื่อเสียงของหังโจว เช่น "ซีหูชู่อี๋ว์" (西湖醋鱼) หรือ "ปลานึ่งราดซอสเปรี้ยวหวานทะเลสาบซีหู" และ "ตงโพโร่ว" (东坡肉) หรือ "หมูตงโพ"
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่คณะผู้สื่อข่าวอาเซียนไปทำข่าวคือ ทะเลสาบซีหู แหล่งท่องเที่ยวระดับชาติ และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 2011 ผู้นำหลายประเทศล้วนเคยมาเที่ยวที่นี่ ผู้นำหลายท่าน เช่น ผู้นำลาว เวียดนาม สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ก็เคยล่องเรือทะเลสาบซีหูด้วย ส่วนผู้นำจีนเอง เช่น ประธานเหมา เจ๋อตง ก็ชื่นชอบทะเลสาบซีหูมาก เวลามาตรวจเยี่ยมเมืองหังโจว ก็เข้าพักที่เรือนรับรองแขกเมืองซีหู (西湖国宾馆)
ทะเลสาบซีหูมีพื้นที่ราว 6.39 ตารางกิโลเมตร เส้นรอบทะเลสาบเกือบ 15 กิโลเมตร ประกอบด้วย "1 ภูเขา 2 เจดีย์ 3 เกาะ 3 ทำนบ/คันดินกั้นน้ำ และ 5 บึง" เปิดให้เข้าชมฟรีตลอดวัน หากเดินรอบทะเลสาบรอบหนึ่ง ต้องใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง และมีเรือบริการแวะเที่ยวจุดต่างๆ
ความงามของซีหู เมืองหังโจว เคยเป็นประเด็นของวรรณคดีหลายยุคหลายสมัย "ซู ตงโพ (Su Dongpo, 苏东坡, มีชีวิตระหว่างปี ค.ศ. 1037—1101)" กวีและขุนนางสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือเคยเขียนกลอนสดุดีความงามของทะเลสาบซีหูว่า "อยากจะเปรียบซีหูเป็นนางงามไซซี แต่งหน้าเล็กน้อยหรือทาแป้งหนาๆ ก็งามดี"
ทะเลสาบซีหูมีจุดน่าเที่ยวหลายสิบจุด หากจะเที่ยวให้ครบก็ควรใช้เวลา 2-3 วัน เมื่อเช้าวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา คณะผู้สื่อข่าวอาเซียนเที่ยวครึ่งวัน โดยได้ล่องเรือทะเลสาบซีหูท่ามกลางความหนาว เมื่อขึ้นฝั่งแล้ว ก็เดินมาถึงจุด "ซานถานยิ่นเย่ว์" (三潭印月, Three Pools Mirroring the Moon) ซึ่งเป็นจุดที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
"ซานถานยิ่นเย่ว์" แปลว่า "สามบึงส่องจันทร์" ปี ค.ศ.1699 จักรพรรดิคังซีของราชวงศ์ชิงเคยเสด็จถึงวิวจุดนี้ และทรงพระอักษร "ซานถานยิ่นเย่ว์" (三潭印月) ด้วย ต่อมาวิวจุดนี้ได้พิมพ์ไว้ในด้านหลังของธนบัตรจีนราคา 1 หยวน ทำให้ทะเลสาบซีหูมีชื่อเสียงมากขึ้น
คณะผู้สื่อข่าวอาเซียนเวลารายงานข่าวที่ทะเลซีหู จึงควักเงินธนบัตร 1 หยวนของจีนออกมาโชว์ว่า "ซานถานยิ่นเย่ว์" เป็นจุดที่สวยจนได้รับการคัดเลือกพิมพ์ไว้บนธนบัตรของจีน
เวลาเที่ยวที่จุดตรงนี้จะสามารถมองเห็นเจดีย์ "เหลยเฟิงถ่า" (雷峰塔) แต่ไกลๆ นายปกรณ์ รัตนทรัพย์ศิริ และ นายกิตติพล แดงเกียรติกำจร ผู้สื่อข่าวบริษัทโมโนทีวี ที่เดินทางมาทำข่าวครั้งนี้ยังถามเรื่อง "พญางูขาว" (白蛇传 ) ด้วย เพราะว่า นิทาน "พญางูขาว" มีอยู่ฉากหนึ่งเกิดขึ้นที่เจดีย์ "เหลยเฟิงถ่า" นายกิตติพล แดงเกียรติกำจรถามว่า พญางูเขียว (小青) เป็นตัวร้ายหรือไม่ ทำให้ผู้สื่อข่าวจีนหัวเราะชอบใจ เพราะพญางูเขียวเป็นผู้ช่วยพญางูขาว ไม่ใช่ตัวร้าย
นอกจากนี้ ระหว่างการทำข่าวที่หังโจวตามโครงการ "สื่ออาเซียนท่องจีน" คณะผู้สื่อข่าวอาเซียนยังได้ไปทำข่าวที่วัดหลิงหยิ่นซื่อ (LingYin Temple) ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่เกือบ 1,700 ปี รวมถึงพื้นที่ชุ่มน้ำซีซี (Xixi Wetland Park) ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ตามแนวเที่ยวชนบท ตลอดจนคลองขุดใหญ่แห่งประเทศจีน (The Grand Canal of China) ซึ่งเป็นมรดกโลก ฯลฯ
สำหรับอาหารหังโจวนั้น จัดอยู่ในตำรับอาหารเจ้อเจียง
อาหารเจ้อเจียงเป็น 1 ใน 8 ตำรับอาหารที่มีชื่อเสียงของจีน มณฑลเจ้อเจียงด้านเหนือมีสายน้ำเป็นเครือข่าย ด้านตะวันออกติดกับทะเล ทรัพยากรน้ำจึงอุดมสมบูรณ์ มีสินค้าประเภทปลาและหอยกว่า 500 ชนิด ยอดการผลิตสินในน้ำอยู่อันดับ 1 ของจีน เป็นที่ชื่นชมของผู้คนทั่วไป
อาหารเจ้อเจียงแบ่งเป็น 4 ตำรับย่อยด้วยกัน คือ ตำรับหังโจว (杭州, Hangzhou) หนิงโป (宁波, Ningbo) เส้าซิง (绍兴, Shaoxing) และ เวินโจว (温州, Wenzhou) ซึ่งต่างมีเอกลักษณ์พิเศษของท้องถิ่น คือ "ละเอียด พิเศษ สด และนิ่มนวล"
อาหารจานเด็ดมีหลายร้อยจาน ที่ขึ้นชื่อที่สุดมี "ซีหูชู่อี๋ว์" (西湖醋鱼) หรือ "ปลานึ่งราดซอสเปรี้ยวหวานทะเลสาบซีหู" ซึ่งเนื้อปลาสดเนื้อนุ่ม "ตงโพโร่ว" (东坡肉) หรือ "หมูตงโพ" ที่ตั้งชื่อตาม "ซู ตงโพ (Su Dongpo, 苏东坡, มีชีวิตระหว่างปี ค.ศ. 1037—1101)" กวีและขุนนางสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารอันดับ 1 ของเมืองหังโจว "บ๊ะจ่างอู่ฟางไจ" (五芳斋粽子) และ "บัวลอยหนิงโป" (宁波汤团) เมืองหนิงโป เป็นต้น
ระหว่างทำข่าวที่เมืองหังโจวเป็นเวลา 4 วัน คณะผู้สื่อข่าวอาเซียนได้ลิ้มลองจานเด็ดของอาหารพื้นเมืองของหังโจวมาหลายมื้อ ที่ประทับใจมากที่สุด คือ "ซีหูชู่อี๋ว์" หรือ "ปลานึ่งราดซอสเปรี้ยวหวานทะเลสาบซีหู" และ "ตงโพโร่ว" (东坡肉) หรือ "หมูตงโพ" ซึ่งมีประวัติมาหลายร้อยปี ชาวหังโจวเล่าให้ฟังว่า "ซีหูชู่อี๋ว์" ทำยาก ราคาจึงค่อนข้างแพง จานหนึ่งราคาประมาณ 100-200 หยวน (ปลา 1 ตัว) ส่วน "ตงโพโร่ว" ทำง่ายหน่าย ราคาจึงถูกกว่า จานหนึ่งราคาประมาณ 50-60 หยวน (หมูสามชั้นชิ้นสี่เหลี่ยมหลายสิบชิ้น)
สำหรับของพื้นเมืองหังโจวก็มีมากมายหลากหลาย
เช่น ผ้าไหมหังโจว ใบชาหลงจิ่งทะเลสาบซีหู ผงรากบัวทะเลสาบซีหูชาเขียว หัวผักกาดดองเซียวซาน หน่อไม้ไผ่อบแห้ง เป็นต้น
นี่ก็คือ หังโจว เมืองท่องเที่ยวระดับโลก ในสายตาคณะผู้สื่อข่าวประเทศอาเซียน
ทั้งนี้คือ ความประทับใจของคณะผู้สื่อข่าวประเทศอาเซียนต่อหังโจว เมืองท่องเที่ยวระดับโลก
(YIM/LING)