ประเทศจีนกำลังอยู่ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างให้เกิดสังคมระดับปางกลางมากขึ้น โดยจะมีมาตรการใหม่เพื่อปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของการประชุมสมัชชาผู้แทนสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศครั้งที่ 19 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดความเป็นสัมคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีนยุคใหม่ ซึ่งหมายความว่าจะพยายามบรรลุเป้าหมายที่ได้ต่อสู้มาเป็นร้อยปีมา โดยจะพัฒนาจีนจาก "ยุคผู้ตาม" มาเป็น "ยุคผู้นำ"
ช่วงเดือนมีนาคม ถือเป็นช่วงเวลาของฤดูใบไม้ผลิ ที่แสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นใหม่ การใช้แนวคิดตามหลักสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีนยุคใหม่ของนายสี จิ้นผิง เป็นหลักการในการชี้นำ การนำข้อเสนอของพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้เป็นนโยบายของชาติ ย่อมจะต้องระดมกำลังอันมหาศาลจากประชาชนทั้ง 1,300 ล้านคน เพื่อการปฏิรูปจีน
ในด้านขจัดความยากจน ตั้งแต่จีนดำเนินนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นต้นมา จีนได้ลดจำนวนคนยากจนกว่า 700 ล้านคน เป็นสัดส่วนที่มากกว่า 70% ของจำนวนคนยากจน ที่ลดน้อยลงของประชากรโลก เศรษฐกิจจีนก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 ของโลก ชีวิตของประชาชนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในชนบทจีนได้ขจัดจำนวนคนยากจนไปแล้ว 68.53 ล้านคน เฉลี่ยประมาณปีละ 13 ล้านคน ถือว่า เป็นสงครามต่อสู้กับความยากจนที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์มากที่สุดของโลกในรอบหลายปีนี้ สร้างสถิติการลดจำนวนคนยากจนอยู่ที่ประมาณ 25 คน/นาที หรือประมาณ 1,500 คน/ชั่วโมง
ยกตัวอย่างเช่น หมู่บ้านเสอปาต้ง หรือสิบแปดหลุมในมณฑลหูหนาน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ยังเป็นหมู่บ้านที่ยากจนมาก เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2013 ปธน.สี จิ้นผิงได้เดินทางไปเยี่ยมและเสนอความช่วยเหลือ หลังจากนั้น คณะและหน่วยงานช่วยเหลือคนยากจนได้ลงพื้นที่ทำงาน มีตัวอย่างเช่นกรณีนายหลง เซียนหลัน คนยากจนที่เป็นเด็กกำพร้าอาศัยความช่วยเหลือของทีมงานฯ เริ่มดำเนินการเลี้ยงผึ้งและสามารถเก็บน้ำผึ้งได้ประมาณ 250 กิโลกรัมต่อปี สร้างรายได้ให้กับตัวเองในระดับดีพอสมควร ปีที่แล้วก็ได้แต่งงาน และต้นปีนี้ยังประสบความสำเร็จในการขอลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้าของน้ำผึ้งทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นในทุกด้าน