นายเติ้ง ฉังโหย่ว พนักงานทำความสะอาดของเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน เล่าว่าหลายเดือนมานี้ เขาและเพื่อนร่วมงานพบเรื่องราวสุดแปลกเรื่องหนึ่ง คือ พวกเขาสามารถทานอาหารเช้าได้ฟรีที่ร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ข้างถนนใกล้ ๆ สัปดาห์ละ 3 วัน โดยเจ้าของร้านบอกว่า มีผู้ชายคนหนึ่งได้จ่ายเงินสดไว้ล่วงหน้า พร้อมกับบอกให้ที่ร้านเตรียมอาหารเช้าสำหรับพนักงานทำความสะอาดที่อยู่บริเวณนี้ ผู้ชายคนนี้ทำอย่างนี้มา 7 - 8 เดือนแล้ว ผู้คนจึงเรียกเขาว่า "พี่อาหารเช้า" ชายลึกลับคนนี้ทำให้เติ้ง ฉังโหย่ว และเพื่อน ๆ รู้สึกประหลาดใจว่า เขาคือใคร ทำไมถึงได้ทำเช่นนี้

เช้าวันหนึ่ง เติ้ง ฉังโหย่ว ทำความสะอาดตามถนนแล้วเดินผ่านหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง เจ้าของร้านถามเขาว่า อยากทานอะไรบ้าง ซาลาเปาหรือปาท่องโก๋ เติ้ง ฉังโหย่ว เลือกทานปาท่องโก๋ แต่เจ้าของร้านกลับไม่คิดเงิน เติ้ง ฉังโหย่ว รับประทานอาหารเช้าฟรีอย่างนี้มาตลอด 7 - 8 เดือนแล้ว

เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่เติ้ง ฉังโหย่วทำงานเสร็จ ก็มีเจ้าของร้านอาหารคนหนึ่งเรียกเขาพร้อมกับให้หมั่นโถวเขา 2 ลูก ทำให้เติ้ง ฉังโหย่ว รู้สึกงง เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยซื้ออาหารเช้าที่นี่ทานมาก่อนและต้องจ่ายเงินตามปกติ แต่วันนี้ทำไมกลับได้ทานฟรี เจ้าของร้านจึงอธิบายว่า หลายวันมาก่อน มีผู้ชายอายุประมาณ 30 ปีเข้าร้านและถามราคาของอาหารเช้า เจ้าของร้านจึงไปบอกว่า หมั่นโถว 2 ลูก 1.5 หยวน เขาจึงจ่ายเงินให้กับเจ้าของร้าน 90 หยวน เพื่อให้ทำอาหารเช้า 60 ชุดและแจกให้พนักงานทำความสะอาดที่อยู่ใกล้กับบริเวณร้าน ดังนั้น เจ้าของร้านจึงเตรียมหมันโถว 60 ชุดให้พร้อม และเรียกพนักงานทำความสะอาดมาทานฟรี เจ้าของร้านบอกว่า ในแต่ละวันจะมีพนักงานประมาณ 10 - 20 คนมาทานอาหารเช้าที่นี่ เขาจึงเตรียมไว้ประมาณ 20 ชุดทุกวัน ทำให้พนักงานสามารถกินได้สัปดาห์ละ 3 วัน

ตั้งแต่นั้นมา เติ้ง ฉังโหย่ว และเพื่อน ๆ สามารถทานอาหารเช้าได้ฟรีมาหลายเดือน และทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจกับบุคคลลึกลับคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ปกติแล้ว เจ้าของร้านจะเรียกเขาและเพื่อน ๆ พนักงานทำความสะอาดมาทานหลังจากที่ได้รับเงินจากชายลึกลับคนนั้นมาแล้ว ทำให้พวกเขาไม่เคยเจอ "พี่อาหารเช้า" ได้เลยสักครั้ง

เมื่อเร็วๆ นี้ เติ้ง ฉังโหย่ว และเพื่อน ๆ ไม่เพียงแต่สามารถทานหมั่นโถว หากยังสามารถเลือกปาท่องโก๋ได้เพิ่มอีกด้วย เพราะว่า "พี่อาหารเช้า" ได้สั่งเจ้าของร้านให้เพิ่มอาหารอีกอย่างหนึ่ง ชายลึกลับบอกว่า ทานหมั่นโถวมานาน อาจทำให้พนักงานทำความสะอาดรู้สึกเบื่อ เขาจึงเพิ่มอาหารอีกอย่างหนึ่งให้เลือกได้จะดีกว่า

"พี่อาหารเช้า" เลือกร้านอาหาร 8 ร้านในเมืองเฉิงตูให้จัดอาหารเช้าสำหรับทานฟรี และจ่ายเงินให้กับทุกร้าน 70 - 90 หยวน ทำให้หนึ่งเดือนต้องจ่ายเงินประมาณ 1,000 หยวน ในการซื้ออาหารเช้าให้กับพนักงานทำความสะอาด ทุกร้านต้องเตรียมอาหารเช้าล่วงหน้าและแจกให้กับพนักงานทำความสะอาดเหมือนกัน "พี่อาหารเช้า" ยังกล่าวกับเจ้าของร้านอีกว่า พนักงานทำความสะอาดเหล่านี้ต้องใช้แรงมาก จึงต้องทานอาหารเช้าให้ดี ๆ ซึ่งเจ้าของร้านก็บอกว่า "พี่อาหารเช้า" ไม่เคยแนะนำตัวเอง เพียงแต่เน้นว่า ต้องทำอาหารเช้าให้อร่อย และต้องเป็นอาหารสดและอุ่น

ทุกคนแปลกใจว่า ทำไม "พี่อาหารเช้า" ต้องทำอย่างนี้ เจ้าของร้านแห่งหนึ่งบอกว่า ครั้งหนึ่ง "พี่อาหารเช้า" บอกเขาว่า เขาเห็นพนักงานทำความสะอาดออกมาทำงานแต่เช้า ไม่ว่าอากาศดีหรือไม่ ไม่ว่าฝนตกหรือหิมะตก พวกเขาทุ่มเทกำลังเพื่อความสะอาดของสภาพแวดล้อมในตัวเมือง จึงอยากทำอะไรเพื่อขอบคุณพวกเขาบ้าง เหตุผลง่าย ๆ นี้ทำให้เขายืนหยัดการซื้ออาหารเช้าเลี้ยงให้กับพนักงานทำความสะอาดมาหลายเดือน

แท้ที่จริง แล้ว "พี่อาหารเช้า" เคยไปร้านอาหารหลายร้าน แต่บางร้านสงสัยในจุดประสงค์ของชายคนนี้ บางร้านก็รู้สึกรำคาญ จึงปฏิเสธ นอกจาก "พี่อาหารเช้า" จะถูกตั้งคำถามแล้ว เขาก็เคยถูกหลอกด้วย ครั้งหนึ่ง "พี่อาหารเช้า" ให้เงินกับเจ้าของร้านซาลาเปา เพื่อให้เตรียมอาหารเช้าเหมือนกับที่เขาทำกับร้านอื่น ๆ แต่เวลาต่อมา ร้านนั้นกลับปิดประตูโดยไม่รู้ว่าเจ้าของร้านหายไปไหน เจ้าของร้านอาหารส่วนใหญ่ต่างเห็นว่า "พี่อาหารเช้า" ต้องเผชิญกับความยากลำบากหลายอย่าง แต่กลับไม่เคยละทิ้งน้ำใจที่ตัวเองมี มีความน่านับถือมาก

เติ้ง ฉางโหย่ว พร้อมกับเพื่อน ๆ พยายามหาตัว "พี่อาหารเช้า" มาหลายเดือนแล้ว แต่ "พี่อาหารเช้า" ก็ไม่เคยบอกชื่อ เบอร์โทรศัทพ์ ที่อยู่ ไม่ว่าถามอย่างไร เขาก็ไม่เคยบอก ได้แต่เดาเอาว่าเขาน่าจะอยู่ใกล้ ๆ เพราะเขาเคยพาลูกชายมาซื้ออาหารเช้า และมีเจ้าของร้านคนหนึ่งรู้สึกว่าเป็นเพื่อนกับ "พี่อาหารเช้า" อยากให้ลูกชายของเขาได้ทานฟรีบ้าง แต่ก็ถูก "พี่อาหารเช้า" ปฏิเสธ

หลักจากความพยายามค้นหามาเป็นเวลาหลายเดือน เติ้ง ฉางโหย่ว จึงได้พบกับ "พี่อาหารเช้า" ในที่สุด ตัวเขาสูงกว่า 170 เซนติเมตร สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว อายุประมาณ 30 ปี "พี่อาหารเช้า" กล่าวกับเติ้ง ฉางโหย่วว่า พนักงานทำความสะอาดส่วนใหญ่อายุมากกว่าเขา แถมยังต้องทำงานที่ต้องใช้กำลังมาก สิ่งที่เขาทำถือเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ควรทำ แม้ว่าเขาเองจะไม่ใช่คนร่ำรวย ทำได้แต่เพียงแค่นี้ ด้วยความหวังที่ว่าจะสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับสังคม ทำให้คนรู้จักช่วยเหลือคนอื่น แม้ว่าเขาจะยังรู้สึกว่ายังทำได้ไม่พอก็ตาม

เติ้ง ฉางโหย่ว และเจ้าของร้านอยากถ่ายภาพกับเขา แต่ก็ถูกปฏิเสธเหมือนเดิม จนถึงปัจจุบัน ยังก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาชื่ออะไร ทำงานอะไร แต่ที่มั่นใจได้คือ เขาเป็นคนธรรมดาเหมือนกับพวกเรา ที่พยายามทำงานและดำรงชีวิตในเมืองใหญ่ แต่สิ่งที่ต่างกับพวกเราก็คือ นอกจากความสุขของตัวเอง เขายังมุ่งให้ความสุขกับคนที่ควรค่าแก่การนับถือ

ต้องยอมรับว่า พนักงานทำความสะอาดเป็นงานที่ลำบาก ขณะที่จีนมี พนักงานทำความสะอาดซึ่งส่วนใหญ่อายุไม่น้อย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 50 - 60 ปีซึ่งถือว่าปกติ ส่วนอายุ 40 ปีถือว่าอายุน้อย นอกจากนี้ ยังมีพนักงานทำความสะอาดที่อายุมากกว่า 70 ปีด้วย เพราะเป็นงานที่ไม่ต้องการการศึกษาสูงและไม่จำเป็นต้องมีทักษะซับซ้อนอะไร พวกเขาต้องอดทนกับแสงแดดอันแผดเผา แม้ฝนตกจะตกหนัก ลมจะแรง แต่พวกเขาก็ต้องพยายามทำงานเพื่อความสะอาดเรียบร้อยของเมือง ปกติแล้ว แทบไม่มีใครสนใจคนกลุ่มนี้ แม้เป็นงานธรรมดา ๆ แต่แฝงไปด้วยความลำบากนี้ก็สมควรได้รับการเอาใจใส่จากคนอื่น สิ่งที่ "พี่อาหารเช้า" ทำ ทำให้ประชาชนในตัวเมืองมีความตระหนักและให้ความสำคัญต่อพนักงานทำความสะอาด

เติ้ง ฉางโหย่ว บอกว่า อยากให้ทุกคนรู้ว่า มีคนใจดีมาเอาใจใส่พวกเรา เราอยากขอบคุณเขาอย่างจริงใจ

ไม่เพียงแต่ "พี่อาหารเช้า" จริง ๆ แล้ว มีคนจำนวนมากมายเอาใจใส่พนักงานทำความสะอาด และพนักงานทำความสะอาดก็พยายามช่วยเหลือคนอื่นอย่างสุดความสามารถเช่นกัน

ภาพในอินเตอร์เน็ตมีหลายภาพแสดงให้เห็นถึงความอบอุ่นในสังคม เช่น มีพนักงานทำความสะอาดกำลังพิงรถคันหนึ่งพักผ่อน เจ้าของรถจึงรอให้เขาตื่นแล้วค่อยขับออกไป

ครั้งหนึ่งที่ฝนตก พนักงานทำความสะอาดไม่มีที่หลบ หนุ่มที่ขับรถผ่านไปบังเอิญเห็นเขาจึงเชิญให้ขึ้นมานั่งบนรถ แต่พนักงานกลัวว่าจะทำให้ที่นั่งสกปรก และกลัวว่าอุปกรณ์ทำความสะอาดจะหาย ชายหนุ่มคนนี้จึงเปิดฝากระโปรงท้ายรถและเชิญพนักงานให้นั่งหลบฝนด้วยกัน

นอกจากนี้ยังมีคุณป้าพนักงานทำความสะอาดที่แบ่งอาหารเช้าของตัวเองให้กับขอทานตาบอด พร้อมกับยังช่วยแกะเปลือกไข่ให้เขาด้วย

ความอบอุ่นเหล่านี้มีอยู่มากมาย โชคดีที่โลกสมัยปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือทำให้สามารถถ่ายภาพและเผยแพร่เรื่องราวเหล่านี้ทางอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้คนตระหนักถึงคุณค่าของคนเหล่านี้ในสังคมมากขึ้น อย่างที่มีชาวเน็ตจีนกล่าวว่า ชีวิตแม้เผชิญความลำบากมากมาย แต่ขอให้เชื่อมั่นว่า การมีน้ำใจต่อผู้อื่น เป็นคนมีน้ำใจ โลกนี้ก็จะอบอุ่นมากขึ้น