การท่องเที่ยวเขตทิเบต (๒)
  2018-07-25 22:18:22  cri

สิ่งที่ต้องระมัดระวัง

เนื่องจากความพิเศษของลักษณะที่ตั้ง อากาศและวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเขตทิเบตมีหลายสิ่งที่ต้องระมัดระวัง

1. สิ่งแรกและสิ่งสำคัญมากที่สุด คือ อาการแพ้ความสูง เนื่องจากเขตทิเบตอยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำน้ำทะเลหลายพันเมตร มีความดันอากาศต่ำและปริมาณออกซิเจนน้อย ชาวทิเบตบอกว่า ปริมาณออกซิเจนที่ทิเบตในฤดูร้อนคิดเป็น 75% ของมณฑลเสฉวน แต่เมื่อถึงฤดูหนาว ปริมาณออกซิเจนจะลดลงเหลือเพียง 50% ของมณฑลเสฉวนเท่านั้น สาเหตุนั้นเนื่องมาจากในฤดูร้อนมีต้นไม้และดอกไม้อยู่ทั่วทิเบตจึงช่วยกันผลิตออกซิเจน ดังนั้น คนที่ไม่ได้มุ่งมั่นชมหิมะและน้ำแข็ง การท่องเที่ยวในฤดูร้อนจะมีความปลอดภัยมากกว่า

เมื่อเดินทางขึ้นไปบนที่ราบสูง คนส่วนใหญ่จะมีอาการแพ้ความสูง แต่จะมีอาการแตกต่างกันไป รวมถึง อาเจียน ปวดหัว เวียนหัว นอนหลับมาเกินไป เลือดไหลออกจากรูจมูก หายใจไม่พอ และเป็นไข้ ส่วนใหญ่อาหารเหล่านี้จะเกิดภายใน 4 - 6 ชั่วโมงหลังจากไปถึง อย่างเช่น ถ้าไปถึงเมืองลาซาในกลางวัน อาการที่รุนแรงที่สุดจะเกิดขึ้นในตอนเย็นเรื่อยไปจนถึงเช้าวันถัดไป หากมีการพักผ่อนที่เพียงพอ ให้โอกาสร่ายการได้ปรับตัว ร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัวเองเข้ากับสภาพแวดล้อม โดยความรุนแรงของอาการย่อมแตกต่างกันไป บางคนอาจรู้สึกไม่สบายมาก บางคนถึงกับเป็นลม แต่บางคนอาจไม่รู้สึกอะไร

เพื่อรับมือกับอาการแพ้ความสูง ก่อนเดินทางไปยังเขตทิเบต ก่อนอื่นต้องเตรียมความพร้อม โดยต้องบอกกับตัวเองว่า อาการแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต้องกลัว เพราะมีข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวที่ไปเขตทิเบตเกิดอาการแพ้ความสูงรุนแรงมากจนถึงเสียชีวิต แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก อาการแพ้ความสูงนั้นไม่ได้น่ากลัว อันดับต่อไป ต้องตรวจสุขภาพให้ดี โดยเฉพาะการทำงานของหัวใจและปอด เพราะปริมาณออกซิเจนที่เบาบางจะทดสอบความสามารถของหัวใจและปอดมาก และอาจเกิดอันตรายได้ถ้าเป็นหวัด ดังนั้นจึงต้องหายดีก่อน แล้วจึงไปเที่ยวได้ เพราะการไอและคัดจมูกบนที่ราบสูงอาจทำให้ปอดบวมหรือสมองบวมน้ำ เป็นอันตรายถึงชีวิต

ก่อนออกเดินทางไปเขตทิเบต ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อร่างกายจะได้ต้านทานอาการป่วยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ควรนำเสื้อกันหนาวไปให้พอเพียง เพราะหากเป็นหวัดบนที่ราบสูงจะมีความอันตรายมาก นอกจากนี้ ควรเตรียมยาแก้อาการแพ้อากาศที่เบาบางติดตัวไป หากเกิดอาการไม่สบายขึ้น โรดิโอลา (Rhodiola rosea) เป็นสมุนไพรที่ใช้แก้อาการแพ้ความสูงได้ดี แต่ต้องกินอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเข้าไปในทิเบต วิธีการแก้อาการที่ดีที่สุดก็ คือ การพักผ่อน ในวันแรกที่เข้าไปในทิเบต อย่าเพิ่งรีบออกไปเที่ยว ควรพักผ่อนในโรงแรมอย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้ร่ายกายชินกับความดันอากาศต่ำ ระหว่างช่วงเวลาในทิเบต ควรจัดการเวลาให้ดี อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป อย่ารีบวิ่งหรือเต้น เมื่อเข้าไปในเขตทิเบต และอย่าเพิ่งรีบอาบน้ำ เพราะอาจจะทำให้เป็นหวัดได้เช่นกัน เพราะไอน้ำจะทำให้หายใจได้ไม่พอ นอกจากนี้ บางคนบอกว่า การกินอิ่มเกินก็อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ เมื่อรู้สึกหายได้ไม่เต็มที่ ควรซื้อออกซิเจนมาสูด ซึ่งมีขายอยู่ทุกที่ในเขตทิเบต

เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ความสูง หากมีเวลาควรนั่งรถไฟไปเที่ยวทิเบตถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะการเดินทางจะค่อย ๆ ขึ้นไปบนพื้นที่สูง ทำให้ร่างกายค่อย ๆ ชินกับความดันอากาศ แต่หากไม่ได้มีเวลามาก และนั่งเครื่องบินไป ควรให้ความสำคัญกับการแก้อาการแพ้ความสูงอย่างมาก

แม้ว่าอาการแพ้ความสูงฟังแล้วอาจรู้สึกว่าลำบากและน่ากลัวมาก แต่หากมีการตรียมความพร้อมและบอกกับตัวเองว่าทำได้ก็จะไม่มีปัญหา แต่หากรู้สึกทนไม่ไหวควรรีบไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยในเดือนสิงหาคมจนถึงเดือนตุลาคมเป็นช่วงที่มีปริมาณออกซิเจนมากที่สุด ถ้ากลัวอาการแพ้ความสูง ควรเลือกไปเที่ยวในช่วงเวลานี้จะเหมาะสมที่สุด

2. ความความสูงของเขตทิเบตทำให้ที่นี่มีแดดแรง ไม่ว่าจะอยู่ในฤดูอะไร ดังนั้น สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อม คือ อุปกรณ์กันแดด เช่น ครีมกันแดด เสื้อผ้ากันแดด หมวก และแว่นตา เพื่อป้องกันผิวจากแดด ยิ่งไปกว่านั้นในเขตทิเบตอุณหภูมิมีความต่างกันมากในวันเดียว ในฤดูหนาว ตอนเช้าและช่วงเย็นอากาศจะหนาวเหน็บ กลางวันอบอุ่น ส่วนในฤดูร้อน ช่วงเช้าและช่วงเย็นอากาศเย็นสบาย แต่กลางวันร้อนมาก ดังนั้น ควรนำเสื้อผ้าทั้งแบบบางและมีความหนาติดตัวไปด้วย ในช่วงเดือนสิงหาคม เมืองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด เช่น ลาซา หลินจือ และชิกัตเซ่ มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 10 - 23 องศาเซลเซียส โดยเทศกาลดั้งเดิมของชนเผ่าทิเบตส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเวลานี้

นอกจากนี้รองเท้าก็มีความสำคัญ ควรใส่รองเท้าปีนเขาที่กันลื่นและกันน้ำ หรือจะเป็นรองเท้ากีฬา โดยเฉพาะสาว ๆ อย่าใส่รองเท้าที่มีส้นหนา 

3. ทิเบตมีทิวทัศน์สวยงามทั้งในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน ในฤดูหนาวจะมีหิมะตกบ่อย ทิเบตมีภูเขามากมาย สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอยู่บนภูเขา เมื่อหิมะตกแล้วทางจะลื่นมาก ทำให้การเดินทางไม่สะดวก นักท่องเที่ยวที่ขับรถไปเองต้องระมัดระวัง เมื่อหิมะตก สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งจะปิดไม่ให้ชม เนื่องจากถนนมีทางโค้งมากและมีสภาพสลับซับซ้อน จึงควรตรวจสอบกับสถานที่ท่องเที่ยวก่อนเดินทางเข้าไปชม แม้ว่าจะไปกับทัวร์ อาจเกิดเหตุการที่จ่ายเงินไปแล้ว แต่พอไปถึงสถานที่ท่องเที่ยว ตำรวจกลับไม่ให้เข้าเพื่อความปลอดภัย เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ บริษัททัวร์จะไม่คืนเงิน เพราะถือเป็นสภาพที่ใครก็ควบคุมไม่ได้

หากเดินทางไปเที่ยวในฤดูร้อนและขับรถเอง การไปท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ควรระมัดระวังเช่นกัน โดยต้องขับรถให้ช้าเนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวของทิเบตส่วนใหญ่อยู่บริเวณชานเมือง และขับรถไม่ง่ายเหมือนในตัวเมือง ถนนมีทางโค้งและลาดชัน ดังนั้น ถ้าเช่ารถขับควรเลือกคนขับที่มีประสบการณ์มากพอ

4. ในเขตทิเบตอย่าปรุงอาหารทานเอง เนื่องจากทิเบตมีความดันของอากาศต่ำ ต้มน้ำไปไม่ถึง 100 องศาเซลเซียสก็จะเดือด หากปรุงอาหารเองอาจจะทำให้ไม่สุกได้ ดังนั้น ควรไปประทานอาหารที่ร้านอาหารที่สะอาด เพราะชาวทิเบตเคยชินกับสภาพแบบนี้แล้ว พวกเขาสามารถกินเนื้อดิบบางอย่างได้ แต่นักท่องเที่ยวกินแล้วอาจทำให้ท้องเสีย ถ้าเป็นห่วงว่าจะไม่ชินกับอาหารทิเบต ควรซื้อคุกกี้ ขนมปัง ผลไม้ หรือช็อกโกแลต ติดตัวไปด้วย โดยควรเป็นอาหารที่ย่อยง่ายและให้พลังงานสูง แต่ที่สำคัญอย่าทานอิ่มจนเกินไป

สิ่งที่น่าสนุก คือ ปกติแล้ว ถ้าเราเห็นถุงอาหารในซุปเปอร์มาเก็ตพองตัวขึ้น สามารถเดาได้ว่าอาหารนี้น่าจะเสียแล้ว แต่ในเขตทิเบต ถุงใส่ของทุกอย่างในซุปเปอร์มาเก็ตจะพองตัวขึ้นเพราะความดันของอากาศต่ำ

5. ต้องระมัดระวังคำพูดและพฤติกรรมของตัวเอง ชนเผ่าทิเบตนับถือพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดมาก และเป็นพุทธศาสนาแบบทิเบต อาจมีวัฒนธรรมประเพณีที่เราไม่ค้นเคย เพราะฉะนั้น ควรทำเหมือนกับชาวบ้านทำ ให้ความเคารพพระพุทธรูป ชาวทิเบตส่วนใหญ่ใจดีมาก แต่ก็มีนิสัยตรงไปตรงมา และมีร่างกายแข็งแรง ชาวทิเบตจำนวนมากไม่พูดภาษาจีนกลาง ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่พูดภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้น หากพบเรื่องที่ไม่พอใจขอใช้ความอดทน อย่าทะเลาะกับชาวบ้าน และเมื่อเข้าชมวัด ควรเดินจากซ้ายไปขวา มิฉะนั้นชาวทิเบตจะมองว่าดูหมิ่นพระพุทธรูป

6. ด้านการถ่ายภาพ สิ่งก่อสร้างของทิเบตมีลักษณะพิเศษและมีความสวยงามมาก เมื่ออยู่ในช่วงเทศกาล ชาวบ้านจะใส่ชุดชนเผ่าที่สวยงาม บางพื้นที่ของทิเบตห้ามไม่ให้ถ่ายภาพ โดยเฉพาะในวัด และชาวบ้านบางคนก็ไม่ชอบถูกถ่ายรูปด้วย ดังนั้น อย่าแอบถ่ายภาพ โดยเฉพาะสตรี และเด็ก ๆ แต่ถ้าอยากถ่ายจริง ๆ ควรขออนุญาตก่อน

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ควรระมัดระวังในการไปเที่ยวในเขตทิเบต เพราะลักษณะที่ตั้งและวัฒนธรรมมีความพิเศษ ทำให้การเที่ยวทิเบตต้องเตรียมพร้อมมากกว่าที่อื่น แม้จะฟังดูลำบาก แต่เมื่อไปถึงแล้ว ความยิ่งใหญ่ของสิ่งปลูกสร้างและความสวยงามของทิวทัศน์อันน่าหลงใหลจะทำให้รู้สึกว่า การเตรียมตัวเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040