นอกจากนี้ยังมีด่านอื่นๆ ที่ยังคงสภาพสวยงามและน่าไปให้ถึง เช่น "ด่านเหนียงจื่อกวน" ในมณฑลซานซี "ด่านอวี้เหมือนกวน" ในมณฑลกานซู่ "ด่านเจวียงกวน" ที่มณฑลเหอเป่ย "ด่านเพียนโถวกวน" และ "ด่านเอี้ยนเหมินกวน" ในมณฑลซานซี และระหว่างด่านเหล่านี้ กำแพงโบราณก็ยังคงทอดตัวอยู่ บางแห่งอาจจะเห็นเพียงแค่เศษซาก บางแห่งก็ไม่ได้สูงใหญ่ ยิ่งบางแห่งที่อยู่ในทะเลทรายก็ได้สูญสลายไปหมดแล้ว แต่ชาวจีนทุกคนก็ยังพยายามรักษามรดกของชาตินี้ไว้ให้ยั่งยืนนานที่สุด ทั้งเพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของชาติ และยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงความสูญเสีย และโศกนาฏกรรมต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นทั้งในและนอกกำแพงหมื่นลี้แห่งนี้
พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองจีนเปิดทำการตั้งแต่เมื่อปี 1994 และไม่ต้องเสียค่าบริการใด ขอเพียงแค่มีความสนใจอยากเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ก็สามารถเข้าชมได้ทันที
การเดินทางไปยังปาต๋าหลิ่งในปัจจุบันนั้นยิ่งแสนสะดวกสบาย เพราะมีบริการรถไฟความเร็วสูง เดินทางออกจากปักกิ่งที่สถานีรถไฟสายเหนือทุกชั่วโมงตั้งแต่เช้าจรดเย็น ค่าโดยสารเพียงแค่ 17 หยวน ที่นั่งและบริการไม่ต่างจากเครื่องบินโดยสารเลยทีเดียว
ที่สำคัญและเป็นเสน่ห์อย่างยิ่งของการมาเที่ยวกำแพงเมืองจีนที่ปาต๋าหลิ่ง นั่นก็คือ ฤดูที่แตกต่างทั้ง 4 ฤดู จะให้ความรู้สึกและภาพที่แตกต่างกัน ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากมายกลับมาที่นี่ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อค้นหาภาพประทับใจของตนเอง
กำแพงเมืองจีน หากเรานิ่งคิดและมองอย่างลุ่มลึกแล้ว จะรู้ได้ว่า คำว่า "สิ่งมหัศจรรย์"มิได้มีความหมายแต่การเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะกำเนิดขึ้นมาได้จากมือเล็กๆ ของมนุษย์