สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ผมประทับใจ เป็นเรื่องของการสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ส่วนในรายละเอียดและการจัดการ ผมเข้าใจว่า เมื่อมันเกิดแล้ว อยู่ได้แล้ว มันอาจจะเชื่อมโยงไปถึงลักษณะของการซื้อขายงานศิลปะที่เราปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่และเป็นการลงทุนที่สูง ซึ่งเท่าที่ทราบมา งานของวงการศิลปะจีนนั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะฉะนั้นเมื่อมันมีมูลค่าเพิ่มของตัวงานตลอดเวลา จึงทำให้คนรุ่นใหม่หรือคนที่มีกำลังซื้อลงทุนกับสิ่งเหล่านี้ได้ ทำให้เกิดหลายๆ อาชีพตามมาทั้งคนติดตั้งงาน แกลเลอรี่ หรือแม้กระทั่งศิลปินเองก็ดี หรือนักวิจารณ์ หรือคนที่เขียนเกี่ยวกับงานศิลปะก็ต่างมีพื้นที่ ทุกคนมีหมด เมื่อมีพื้นที่ทุกอย่างก็จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทีนี้ในกรณีสำหรับคอเล็กเตอร์ที่จะสะสมงาน ก็สามารถที่จะศึกษาได้ว่าทิศทางของศิลปะเป็นอย่างไร เพราะมันเป็นเรื่องของการลงทุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เมื่อทั้งหมดนี้รวมกันแล้ว ผมมองว่ามันเกิดความต่อเนื่องที่เป็นขบวนการ ซึ่งก็น่าจะดำเนินอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันเราก็จะเห็นว่า บางแกลเลอรี่ที่เกิดขึ้นก็จะปิดและเปลี่ยนเจ้าของไปเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ที่เกิดผมมองว่าเป็นเรื่องปกติของการแข่งขัน เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นอย่างนี้ก็เท่ากับว่าตลาดมีหลายตลาด ฉะนั้นคุณก็ต้องคิดแล้วว่าทำอย่างไรให้คุณภาพของแกลเลอรี่หรืองานของศิลปินเองที่จะเข้ามาอยู่ในพื้นที่เหล่านี้เกิดการพัฒนาไปทุกส่วนพร้อมๆ กัน
เมื่อมีเรื่องของอุปสงค์และอุปทาน ก็คิดต่อว่าทำอย่างไรเพื่อให้งานมีข้อต่อรองในเชิงของการตลาด หรือข้อต่อรองในพื้นที่ทางศิลปะ มีแนวทางที่หลากหลายขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือ หลายๆ แกลเลอรี่แสดงงานที่อินเตอร์มากๆ บางชิ้นก็เห็นในเวทีศิลปะนานาชาติอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของการต่อเนื่อง และการเล็งเห็นความสำคัญของสิ่งที่ทำให้เกิดพื้นที่เช่นนี้ขึ้นมา ซึ่งผมมองว่าไม่ใช่การให้พื้นที่อย่างเดียว แต่มันเกิดขึ้นจากความต่อเนื่อง และผลประโยชน์ ซึ่งเราปฏิเสธและหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะมันมีการลงทุนจำนวนวมหาศาล เพราะนิทรรศการดีๆ ที่เราเห็นมันก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น ซึ่งงานหลายๆ ชิ้นที่เราเห็นก็เตรียมที่จะเข้าพิพิธภัณฑ์ เพราะสำหรับบางงานที่คนธรรมดาอาจจะไม่สะสม หรือบางชิ้นก็ถูกสะสมเพื่อที่นำไปลงทุนให้เกิดมูลค่าเพิ่มต่อ ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องของการตลาดด้านศิลปะ
แต่ภาพรวมที่เกิดขึ้นยังมีด้านอื่นอีก เช่นร้านหนังสือใน 798 เองที่อยู่ใกล้ๆ กับแกลเลอรี่ เพราะนอกจากตัวงานแล้ว ก็มีหนังสือที่เกี่ยวกับงานศิลปะในเมืองจีนด้วย เพราะฉะนั้นคนก็จะได้ศึกษาทั้งสิ่งที่ได้เห็น แล้วจากนั้นก็ได้อ่าน สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นตัวที่สนับสนุนกัน
สิ่งที่ผมประทับใจคือเรื่องของการ "แปล" หนังสือหลายเล่มที่เคยเห็นก็ถูกแปลเป็นภาษาจีน อย่างกรณีของเรา มีหนังสือน้อยมาก เด็กบ้านเราก็ต้องอ่านจากภาษาอังกฤษเพื่อศึกษางานศิลปะ ซึ่งแน่นอนว่าก็อ่านไม่ได้ทุกคน แต่ถ้ามีการแปลออกมาก็ย่อมต้องมีการอ่านมากขึ้นตามไปด้วย นักศึกษาก็จะสามารถเข้าถึงวิธีคิดทางตะวันตก หรือทฤษฎีทางศิลปะได้เร็วขึ้น และก็จะสามารถนำไปพัฒนางานของเขาได้ คือ ทำได้ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ต้องแก่ (หัวเราะ)
เรื่องหนังสือนี้ จากที่ผมเคยมาจีนหลายครั้งก็สังเกตได้ว่าสิ่งนี้ทำให้ศิลปินของเขาก้าวหน้าไปเร็วมาก และในทำนองเดียวกัน เมื่อมีงานดีๆ และมีพื้นที่จำนวนงานมาก แม้ 798 จะหลุดออกมาจากใจกลางเมืองพอสมควร แต่ถ้ามาแล้วสามารถใช้เวลาได้ทั้งวัน ก็คุ้มค่าที่จะมาชม นอกจากนี้ยังมีระบบขนส่งมวลชนที่เข้ามารองรับ ซึ่งเป็นเรื่องของการวางแผนที่แยบยล เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการเดินทาง
สำหรับตัวงานที่ได้ดู ก็มีในหลายๆ แกลเลอรี่ที่ประทับใจ และคิดว่าคุ้มในการที่มา แต่ว่าก็เสีย เพราะถ้ามีโอกาสได้อยู่ต่ออีกวันเดียว ก็อาจจะได้เห็นอะไรเพิ่มเติมอีกมากขึ้น
ในฐานะที่เป็นทั้งอาจารย์และเป็นศิลปินเอง มีโอกาสเดินทางไปแสดงงานมาแล้วทั้งยุโรป อเมริกา และเอเชีย มองว่าพื้นที่ 798 เป็นเวทีที่สำคัญระดับไหน เหมาะที่จะมาแสดงงานหรือไม่ อย่างไร
กับศิลปะร่วมสมัยใน 798