ซึ่งจริงๆ แล้วรัฐได้มากกว่าภาษี เพราะได้ในเรื่องของภาพลักษณ์ที่แสดงออกถึงอิสรเสรีทางความคิด ผ่านงานศิลปะ ที่นี้นอกเหนือจากสะท้อนให้เห็นถึงการเปิดประเทศ การเปิดวิธีคิด ประเทศใหญ่ๆ ที่จะเข้ามาลงทุนในด้านอื่นก็จะมองว่า เออประเทศนี้ให้อิสระทางความคิดผ่านงานศิลปะ แม้ข้อเท็จจริงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนที่เขามองเห็นก็จะรู้สึก แม้กระทั่งเราเองก็มองว่า แม้กระทั่งประเทศที่เป็นสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะว่ามันมีตัวนี้ (งานศิลปะที่เปิดกว้าง) ผมว่าสิ่งนี้สามารถลดกำแพง แต่ในความเป็นจริงในระบบของเขาเราไม่รู้ แต่ในฐานะนักท่องเที่ยวก็จะประทับใจในเรื่องนี้ ซึ่งจริงแล้วอะไรก็ตามที่ไม่ได้ไปแตะถึงระดับนโยบายของรัฐบาลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เขาก็ยังเปิดทางให้ สิ่งที่น่าสนใจคือ มีการตอบรับจากผู้เสพด้วย
หรือว่าอาจจะเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้วก็ได้ที่ต้องการอิสรเสรีภาพ
ผมว่ามีแต่ด้านบวก ไม่เห็นว่าจะมีส่วนลบสักเท่าใด คือเราไม่จำเป็นที่จะต้องไปมองในเรื่องที่ซับซ้อนเกินไป เพราะเรื่องของผลประโยชน์นั้นมักเป็นเช่นนี้เสมอ เราก็มองเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้น และเป็นไป
ในฐานะที่อยู่ในแวดวงศิลปะ ก็คิดว่าอย่างน้อยก็สามารถทำให้คนเข้าใกล้งานศิลปะได้มากขึ้น ส่วนคนที่อยากสะสมก็ทำไป คนที่อยากลงทุนก็ทำไป แต่อย่างน้อยที่สุดใครไม่มีสตางค์ เขาก็ให้ดูฟรี อาจจะมีบ้างบางที่ที่เก็บเงิน แต่ก็แค่ 2 หยวน หรือบางที่มากหน่อยก็ 15 หยวน แต่ก็ให้เขาไปเถอะ
นอกจาก 798 แล้ว ในฐานะที่เดินทางมาจีนหลายครั้ง และปักกิ่งเองก็สองครั้งแล้ว เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
ถ้านับจากครั้งแรก ผมมาปักกิ่งเมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมาเที่ยว แต่ก็พอรู้ว่างานของศิลปินจีนบ้าง เมื่อสมัยนั้นกับสมัยนี้มันคนละเรื่องกันเลยทีเดียว เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ก็มีกรุ่นๆ ขึ้นมาแล้ว จากการจัดการที่เป็นระบบใหญ่ แม้เราจะไม่รู้รายละเอียดตรงนั้น แต่ก็พอรู้เกี่ยวกับเรื่องของการศึกษา เรื่องของการแปล หนังสือ แปลตำรานั้นของเขาทำเป็นเรื่องเป็นราว
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อได้มาเห็นปักกิ่งทั้งสองครั้งนี้ คือเมื่อครั้งแรกนั้นเหมือนเมืองอยู่ในช่วงที่กำลังเร่งก่อสร้างกันอย่างอุตลุต มีฝุ่นเยอะมาก แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันมาก คือสมัยก่อนนั้นตอนเช้าๆ จะเห็นจักรยานเต็มท้องถนนไปหมด แต่คราวนี้เห็นน้อยมาก จะเห็นรถยนต์เสียส่วนใหญ่ ถนนหนทางก็ถูกขยาย ตึกสูงๆ ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่ห้องน้ำสาธารณะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างในหลายๆ ที่ที่เราเข้าไป ก็รู้สึกสะดวกสบายในการที่จะเข้าห้องน้ำ ซึ่งหลายคนกลัวเมื่อพูดถึงเมืองจีน
เรื่องการเดินทางก็สะดวกสบายขึ้น ซึ่งสมัยนั้นรถใต้ดินอาจจะมีไม่กี่สาย แต่คราวนี้เห็นว่ามีรถใต้ดินหลายสายมาก รถเมล์ก็แตกต่าง แต่ก็เพราะว่าคราวที่แล้วนั้นมากับทัวร์ก็เลยไม่ได้สัมผัส แต่ก็จดจำภาพได้จากการมองผ่านหน้าต่างรถ รถจักรยานน้อยลง การแต่งตัวของวัยรุ่นก็มีดีไซน์ มีเทรนด์ของตัวเอง ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเรื่อง แต่ว่าด้วยการจัดการแล้วก็จะเห็นว่าเจริญรวดเร็วมาก และประทับใจการจัดการเรื่องขนส่งมวลชนในราคาถูก อย่างรถไฟใต้ดิน 2 หยวนไปได้ตลอดทั้งสาย จะไปกี่สายก็ได้ ถ้าคุณไม่ออกมาก็เสียเพียงเท่านั้น ก็สามารถถึงจุดมุ่งหมายที่จะไป รถเมล์ก็หยวนหรือสองหยวน ซึ่งถือว่าถูกมากกับการเดินทางในปักกิ่ง ถึงแม้ไม่รู้ภาษาจีนก็ไปได้ เพราะมีป้ายเป็นภาษาอังกฤษและเสียงภาษาอังกฤษบอกว่าเราจะลงตรงไหน คือมาเองก็คลำทางไปได้ ไม่น่าจะยุ่งยากมาก ซึ่งผมเองก็จะมีความสุขมากกว่ามากับกรุ๊ฟทัวร์ คือถ้าไปกับทัวร์เราก็จะได้ไปในที่ที่เราไม่อยากไป ซึ่งก็จะเสียเวลาไปครึ่งค่อนวัน แต่ก็ง่ายและสะดวก จริงๆ แล้วใครพึงพอใจแบบไหนก็เลือกแบบนั้น ซึ่งถ้ามากับกรุ๊ฟทัวร์อาจจะถูกกว่า เพราะทุกอย่างถูกจัดการแบบเบ็ดเสร็จ แล้วเขาก็มีการต่อรองจากจำนวนคนที่มาก ทำให้ทุกอย่างถูกลง อย่างเพื่อนผมที่เพิ่งมาก็เทียบกันแล้ว ก็ไม่แตกต่างกับที่ผมซื้อตั๋วเครื่องบินมาเอง ราคาก็ใกล้เคียงกัน เพียงแต่ว่ามากับทัวร์เขาจะจัดการทุกอย่างให้เบ็ดเสร็จหมดเลย คือถ้าเรามาเที่ยวอย่างนั้นก็จะได้เห็นในจุดสำคัญต่างๆ แต่ข้อดีของการมาเองคือเราสามารถไปได้ทุกที่ที่อยากไปก็สะดวกทั้งสองอย่าง ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีและรวดเร็วมาก
ผู้สัมภาษณ์กับ รศ.กมล เผ่าสวัสดิ์และ อ.ถนอม ชาภักดี ที่ล๊อบบี้โรงแรมข้าง 798