ขนมปักกิ่ง
มีประโยคว่า "ขนมปักกิ่งมีตั้งหลายร้อยอย่าง" ซึ่งจำนวนมากมาจากพระราชวัง แต่ตอนนี้หายไปก็เยอะเช่นกัน ถ้าอยากชิมขนมปักกิ่งรสชาติปักกิ่งแท้ ขอเสนอให้มาเที่ยวปักกิ่ง โดยเฉพาะตามตรอกซอกซอย ซึ่งเป็นแหล่งที่พักของชาวปักกิ่งดั้งเดิม เพราะชาวปักกิ่งดั้งเดิมแท้เลิกกินขนมเหล่านี้ไม่ได้เลย และเลือกร้านที่มีชื่อเสียงและประวัติยาวนาน ไม่ว่าเป็นร้านขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ก็เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน
ขนมและอาหารปักกิ่ง
1. โต้วจือร์ (dou zhir)
โต้วจือร์มีชื่อคล้ายกับโต้วเจียงหรือน้ำเต้าฮู่ แต่วิธีทำต่างกันมาก รสชาติก็ต่างกันมากเหมือนกัน มีประวัติมากว่าหนึ่งพันปีแล้ว จากชื่อ "โต้วจือร์" นี้ก็สามารถรู้ได้ว่า เป็นขนมปักกิ่ง เพราะออกเสียงเป็น Zhir ซึ่งเป็นเสียงที่มีแต่ในภาษาปักกิ่งเท่านั้น และโต้วจือร์ก็เป็นขนมที่หาได้ในปักกิ่งเท่านั้นเหมือนกัน เล่ากันว่า ถ้าอยากจะทดสอบคนใดคนหนึ่งว่าเป็นคนปักกิ่งพันธ์แท้หรือไม่ ก็ชวนเขาไปชิมโต้วจือร์ ถ้าเขาชอบก็แสดงว่า เป็นคนปักกิ่งดั้งเดิม ถ้ากินไม่ลงก็แสดงว่าไม่ใช่ หากพูดว่า ไม่ไปกำแพงเมืองจีนก็เหมือนกับมาไม่ถึงเมืองจีน ถ้าไม่ได้ชิมโต้วจือร์ก็เหมือนกับมาไม่ถึงปักกิ่ง
วิธีทำโต้วจือร์
เอาถั่วเขียวมาแช่น้ำจนเปลือกสามารถแยกจากถั่ว แล้วเอาออกมาใส่น้ำสดและบดบออย่างละเอียดให้เป็นน้ำเข้มข้น เสร็จแล้วใส่ในถังเพื่อหมัก จนกระทั่งน้ำแยกเป็นสองชั้น ชั้นล่างเป็นแป้ง ชั้นบนเป็นน้ำ เวลากินต้องต้มน้ำให้เดือด แล้วใส่น้ำถั่วเขียวที่ผ่านการหมัก ต้มจนเดื่อดอีกครั้ง ถึงจะกินได้ และต้องกินร้อนๆ ด้วย
เพราะโต้วจือร์เป็นอาหารที่ผ่านการหมัก ก็เลยเป็นสีเขียวอมสีเทา และมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สีไม่สวย รสชาติก็แปลกๆ คนที่ชอบกินจะติดใจมาก เลิกกินไม่ได้ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยชิม จะรู้สึกเหม็นมาก
แต่ต้องบอกว่า ในสมัยราชวงค์ชิงของจีน โต้วจือร์ยังเป็นขนมที่นิยมกันอย่างมากในบรรดาข้าราชการ และจักรพรรดิองค์ต่างๆ ด้วย เพราะดีต่อสุขภาพอย่างมาก โดยมีไวตามินซี โปรตีน ไฟเบอร์ ทั้งแก้ร้อนใน และแก้พิษได้
ปัจจุบัน โต้วจือร์จะขายตามร้าน ส่วนซุปเปอร์มาเก็ตต่างๆ ไม่มีขาย เพราะฉะนั้น ถ้าจะชิมโต้วจือร์ร้อนๆ และรสชาติดั้งเดิม ก็ต้องไปเที่ยวร้านอาหารปักกิ่งเก่าๆ ซึ่งบางร้านอาจจะเป็นร้านใหญ่ แต่บางร้านอาจจะเป็นร้านเล็กๆ แต่มีชื่อดัง อย่างเช่นร้านขายโต้วจือร์เล่าฉือชี่โข่ว (老瓷器口) ซึ่งปัจจุบันมีสาขาร้านหลายแห่ง