ล.สวัสดีค่ะท่านผู้ฟัง ดิฉันหลิว หรง และคุณพัลลภ สามสี ยินดีต้อนรับท่านเข้าสู่รายการคุยกันวันละประเด็นทุกวันอังคารค่ะ
พ. สวัสดีครับ เห็นคุณหลิว หรงบอกว่า วันนี้เราจะคุยประเด็นของสตรี ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไรครับ
ล. ค่ะ เป็นประเด็นสตรีล้วนๆ เพราะว่าวันที่ 12 เดือนนี้เป็นวันแม่ของไทย เกือบทุกคนจะนึกถึงบูญคุณความดีของคุณแม่ และพยายามมีความกตัญญูต่อคุณแม่คุณพ่อและผู้ปกครอง แม้ว่าวันแม่ของจีนไม่ใช่วันเดียวกันกับของไทย แต่คนจีนมีความกตัญญูต่อคุณแม่มากเช่นกัน วันนี้ดิฉันเลือกประเด็นสตรีมาคุยยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือ วันที่ 1-7 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็น "สัปดาห์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่โลก"
พ. มี "สัปดาห์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่โลก" ด้วยหรือครับ ผมไม่เคยสนใจเลย
ล. มีค่ะ ไม่เพียงแต่คุณพัลลภไม่ทราบ ขนาดดิฉันก็ไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย แต่หลังจากตัวเองมีลูกแล้ว ทราบว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่กลายเป็นปัญหาที่ต้องเผชิญทุกวัน จึงสนใจเรื่องนี้มากขึ้น เลยรู้ว่า ตั้งแต่เมื่อปี 1992 เป็นต้นมา สหพันธ์ปฏิบัติการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ระหว่างประเทศก็กำหนดให้แต่ละปี ทุกสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมเป็น "สัปดาห์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่โลก" เพื่อเผยแพร่ความรู้และส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ส่วนประเด็นของปีนี้คือ "รับฟัง เล่าให้ฟัง และแบ่งกัน"
พ. กิจกรรมนี้น่าจะมีความหมายอย่างยิ่ง เท่าที่ทราบ องค์การอนามัยโลกกำหนด "ยุทธศาสตร์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทั่วโลก" โดยเสนอว่า ให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 100% ใน 6 เดือนแรกแก่ทารกแรกเกิด แต่ประเทศจีนมีทารกแรกเกิดเพียงประมาณ 25% เท่านั้นที่กินนมแม่ถึง 6 เดือน นับว่าสัดส่วนน้อยมาก สาเหตุที่ทำให้คุณแม่มือใหม่จำนวนมากยอมละทิ้งการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีหลายประการ บางคนกลัวว่าให้นมแม่นานไปจะกระทบต่อรูปร่างทำให้กลับมาหุ่นดีๆไม่ได้ บางคนลาคลอดนานหลายเดือนไม่ได้ ต้องกลับไปทำงานโดยเร็ว และต้องเดินทางไปต่างประเทศต่างมณฑลบ่อยๆ จึงจำเป็นต้องเลิกให้นมแม่
ล. และยังมีคนจำนวนไม่น้อยเชื่อนมผงทารกมากเกินไป คิดว่าในนมผงได้ผสมสารโภชนาการและแร่ธาตุหลายชนิด ซึ่งสามารถตรงกับความต้องการของการเติบโตของลูก และดีกว่านมแม่ เด็กที่กินนมผงจะแข็งแรงกว่าเด็กที่กินนมแม่ เพราะในนมแม่มีประมาณครึ่งหนึ่งเป็นน้ำ เมื่อคุยกับคุณแม่ที่มีความคิดเช่นนี้ ดิฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงถึงจะให้เขาเข้าใจว่า นมแม่ดีกว่านมผงไม่รู้กี่เท่าตัว
พ. ด้วยการเรียกร้องขององค์การอนามัยโลก กองทุนเด็กแห่งสหประชาชาติหรือ UNICEF และสหพันธ์ปฏิบัติการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ระหว่างประเทศ ตลอดจนองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ทำให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่กำลังเป็นกระแสโลก ในอังกฤษ การโฆษณานมผงพยายามทำให้ผู้บริโภคเชื่อว่า นมผงทารกมีสารโภชนาการมากกว่านมแม่ เป็นผลดีต่อการเติบโตของเด็ก เพื่อเปลี่ยนแนวคิดของผู้คน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนศกนี้เป็นต้นมา สำนักงานมาตรฐานอาหารของอังกฤษบังคับให้ผู้ผลิตนมผงทารกและผลิตภัณฑ์นมจำเป็นต้องเปลี่ยนหีบห่อและคำโฆษณา ห้ามใช้คำว่า "สารโภชนาการในนมผงสามารถแทนที่นมแม่" และ "ช่วยให้เด็กเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงและมีภูมิต้านทานสูง" การทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ชาวอังกฤษรับรู้คุณค่าของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และเข้าใจว่าสำหรับลูกแล้ว นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุด
ล. ผลการวิจัยมากมายปรากฎว่า สำหรับทารก 3-6 เดือน นมแม่มีบทบาทที่ทดแทนไม่ได้ในการส่งเสริมการเติบโตของสมอง ในสหรัฐฯ ก็เช่นกัน หลังจากต้นศตวรรษที่ 20 นมผงแพร่หลายไปทั่วประเทศ ทำให้คุณแม่จำนวนมากยินดีใช้นมผงแทนนมแม่ แต่วันนี้ ชาวอเมริกันเริ่มกลับคืนสู่นมแม่ ปฏิเสธนมผงที่ผลิตโดยเทคโนโลยีทันสมัย อีกทั้งมีการประชาสัมพันธ์มากขึ้น ทำให้คุณแม่ชาวอเมริกันจำนวนมากยิ่งขึ้นยินดีเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน
พ. ตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวโลกก็รู้ดีว่า นมแม่เป็นอาหารที่ดีสำหรับทารกแรกเกิด ผมอยากทราบว่า จริงๆ แล้ว นมแม่มีคุณประโยชน์อะไรบ้าง และดีถึงขนาดไหน เพราะผมเห็นหลายคนไม่ได้กินนมแม่ แต่ก็แข็งแรงดี ไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลย
ล. เราไม่ได้ว่านมผงไม่ดี แต่สำหรับทารกแล้ว นมแม่ดีกว่านมผงจริงๆ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ไม่ว่าสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดไหน ก็ต้องกินนมของแม่ถึงจะเติบโตขึ้นได้ นมวัวสดเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกวัว แต่อาจไม่เหมาะสำหรับทารก เพราะว่าในนมวัวมีเคซิอิน(Casein) ที่กระเพาะของทารกย่อยลำบาก บางทียังอุดกระเพาะด้วยอาหาร แต่ในนมแม่ ส่วนประกอบสำคัญคือโปรตีนนม ย่อยง่าย และกรดอะมีโนในโปรตีนนมเป็นผลดีต่อการเติบโตของทารกมากกว่า น้ำตาลในนมแม่สามารถยับยั้ง อีโคไล ทารกที่กินนมแม่จึงไม่ค่อยท้องเสีย
พ. และในนมวัวมีสารแร่ธาตุเป็น 3.5 เท่าของนมแม่ จึงเพิ่มภาระของไตทารก แต่อัตราดูดซึมแคลเซียม เหล็ก สังกะสี และทองเหลืองล้วนต่ำกว่านมแม่ สรุปแล้ว แม้ในนมวัวดูจะมีสารโภชนาการหลายชนิด แต่ดีที่สุดสำหรับลูกวัว กลับไม่เหมาะสำหรับทารก
ล.ใช่ค่ะ นมแม่มีข้อดีหลายประการ อาทิ มีสารโภชนาการทุกอย่างสำหรับทารก และย่อยง่าย ดูดซึมง่าย มีสารเสริมภูมิต้านทาน สามารถช่วยลูกป้องกันโรคและอาการแพ้ต่างๆ โดยปกติทารกที่กินนมแม่เกือบไม่เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรเลยภายในระยะเวลา 6 เดือนหลังคลอด นอกจากนี้ นมแม่ยังสะอาดและสะดวก ไม่ต้องนำไปฆ่าเชื้อ ไม่ต้องปรับอุณหภูมิ หากพาลูกออกไปเที่ยว คุณแม่ไม่ต้องพกขวดนมไปด้วย และไม่ต้องกลัวว่านมจะเสีย นอกจากนี้ ช่วงเวลาเลี้ยงลูกเป็นช่วงที่คุณแม่มีความสุขมากที่สุด เพราะเมื่อกอดลูกที่ตัวอ่อนๆ และเล็กๆ อยู่แนบหน้าอก ให้ลูกดูดนม ใช้มือเล็กๆ ลูบเต้านม คุณแม่จะรู้สึกว่า ไม่มีอะไรทดแทนความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกได้ ไม่ว่าใครก็แยกแม่กับลูกไม่ได้ และความรักของแม่ที่มีต่อลูกยิ่งใหญ่มาก บางทีเมื่อลูกร้องไห้ อาจไม่ใช่หิวข้าวหรือไม่สบาย เป็นเพียงรู้สึกเหงาหรือไม่ปลอดภัย เมื่อแม่กอด และให้นม จะทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัย และสงบลงอย่างรวดเร็ว