China Radio International
ข่าวภายใน
    ประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
 ข่าวการเมืองและ
 การต่างประเทศ
 ข่าวเศรษฐกิจ
 ข่าววัฒนธรรม

 ข่าววิทยาศาสตร์
  เทคโนโลยี่

 ข่าวกีฬา
 ข่าวอื่น
วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2009
อ่านต่อ>>

จีนปัจจุบัน

เศรษฐกิจ

พาเที่ยวจีน

วัฒนธรรม

ชนชาติส่วนน้อย

การเมือง
(GMT+08:00) 2008-10-03 19:44:20    
ปาเป่าชาน จุดเริ่มต้นของการเดินทาง
รายการสถานีต่อไป 1

cri

แท้จริงแล้วชายคนนั้นไม่ใช่หมอยาแต่อย่างใด แต่เขามาเดินหาสมบัติ จากการคำนวณของเขาแล้วพบว่าภูเขาลูกนี้มีสมบัติล้ำค่าซุกซ่อนอยู่ แต่ยังหากุญแจมาเบิกภูเขาไม่ได้ พอดีผ่านมาที่บ้านตายาย เห็นลูกน้ำเต้า เขาก็รู้ได้ทันทีว่าได้พบกุญแจแล้ว เขาจึงใช้อุบายหลอกสองตายายให้หลงเชื่อ

หลังจากชายคนนั้นจากไปแล้ว สองตายายก็ทะนุถนอมน้ำเต้าอย่างดี แต่ปีนั้นเกิดอากาศแปลกประหลาด ทั้งที่เป็นฤดูใบไม้ล่วง แต่ดันเกิดน้ำค้างแข็ง ตายายกลัวว่าน้ำเต้าจะตายเพราะอากาศเย็นจัด จึงเก็บมันก่อนที่จะสุก แล้วเอามาเก็บใส่กล่องไว้ให้ชายคนนั้น

เย็นวันหนึ่ง ในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 9 ชายคนนั้นก็กลับมาเมื่อเห็นน้ำเต้าอยู่ในกล่องเขาก็เกิดอารมร์โมโหโวยวายว่าเก็บมาก่อนที่มันจะสุกได้อย่างไร ว่าแล้วก็รีบคว้าเอาน้ำเต้าลูกนั้นจากไป

สองตายายเกิดความแปลกใจ จึงเดินตามชายคนนั้นไปจนถึงตีนเขา ด้วยความใคร่รู้ว่าเขาจะเอาน้ำเต้าไปทำอะไร

จริงๆ แล้วชายคนนี้เป็นนักดูฮวงจุ้ย เขาคำนวนณแล้วรู้ว่าภูเขาลูกนี้มีสมบัติ และน้ำเต้าก็คือกุญแจ เมื่อเดินมาถึงด้านหน้าของภูเขา เขาก็หยุด แล้วเอาน้ำเต้าขีดลงบนพื้นเป็นรูปวงกลม แล้วจู่ๆ รอยขีดนั้นก็กลายเป็นประตูบานหนึ่ง แต่ก็เปิดได้เพียงแค่แง้มๆ สองตายายมองเข้าไปเห็นสมบัติมากมายเรืองรองอยู่ในนั้น มีทั้งวัวทอง ม้าทอง ไก่ทอง เข่งทอง บุ้งกี๋ทอง นอกจากนี้ที่ด้านข้างประตูยังมีลูกกลิ้งทองคำที่กำลังกลิ้งทองคำก้อนออกมา

ชายคนนั้นบ่นว่า ถ้าเก็บน้ำเต้าตามเวลา ป่านนี้เขาก็เปิดเข้าไปได้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่ยื่นมือพยายามจะหยิบบุ้งกี๋ทอง แต่ก็เอาออกมาไม่ได้ เพราะช่องประตูมีขนาดเล็ก

จู่ๆ ไก่ทองก็ขันขึ้นมา เขาตกใจทิ้งบุ้งกี๋ทอง แล้วเปลี่ยนไปคว้าเอาก้อนทองคำออกมา แต่เขาก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะชายชราได้เดินเข้ามาตีแขนเขา ก้อนทองคำจึงหลุดมือไป และประตูบานนั้นก็ปิดลง

แล้วชายคนนั้นรีบหนีไปทันที เพราะสำนึกในความผิด ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ผู้คนก็เลยรู้ว่าภูเขาแห่งนี้มีสมบัติล้ำค่าซุกซ่อนอยู่ จึงได้ตั้งชื่อว่า "ปาเป่าชาน" ซึ่งแปลว่า "หุบเขาแห่งสมัติแปดอย่าง (ปา แปลว่า แปด, เป่า แปลว่าล้ำค่าหรือสมบัติ และ ชาน แปลว่า ภูเขา)

นี่จึงเป็นเหตุให้บุคคลสำคัญเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่ฝังร่างอย่างสมเกียรติ และสมฐานะ

แต่หลังจากที่ปักกิ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายในเมืองกลายเป็นแหล่งการค้า ตรอกซอกซอยที่ภาษาจีนเรียกว่า "หูท่ง" ถูกแทนที่ด้วยอาคารสำนักงานสูงระฟ้า เป็นย่านธุรกิจและการพานิชย์สำคัญ

ผู้คนจึงขยับขยายมาอยู่ห่างเมืองมากขึ้น เขตสุสานที่เคยเป็นที่น่าเกรงขาม ก็มีเพื่อนบ้านเป็นคอนโดสูงเสียดฟ้า คนตายกับคนเป็นก็อยู่ห่างแค่คืบ จนเห็นอนิจจังอันเป็นปรัชญาแห่งชีวิตที่ใครก็มิอาจปฏิเสธได้

1 2 3 4 5