วันที่ 28 เมษายนตีพิมพ์บทความหัวข้อ "เกาะแห่งนี้เป็นดินแดนของจีน"ที่เขียนโดยนายวิกตอร์ เอ็น อาร์ชิส นักธุรกิจชาวฟิลิปปินส์ โดยตั้ง และชี้แจงว่า ฟิลิปปินส์มิอาจเปลี่ยนข้อเท็จจริงนี้ได้
บทความระบุว่า แนวหินโสโครกสการ์โบโรห์(Scarborough Shoal)หรือเกาะหวงเหยียนเป็นของจีนจริงๆ จีนพบเกาะแห่งนี้เมื่อปี 1279 ซึ่งเป็นสมัยราชวงศ์หยวน และได้ระบุุไว้ในแผนที่อย่างชัดเจน ตั้งแต่นั้นมา ชาวประมงจากแผ่นดินใหญ่จีนและไต้หวันก็ทำการประมงที่นั่น
ส่วนแผนที่เก่าซึ่งกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปินส์นำำออกมาเพื่อใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงว่าเกาะแห่งนี้เป็นดินแดนของตนนั้น ทำขึ้นเมื่อปี 1820 ช้ากว่าจีนตั้ง 541 ปี
นายวิกตอร์ เอ็น อาร์ชิสย้อนถามว่า ขณะที่ฟิลิปปินส์ประกาศเอกราชจากการปกครองของสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1946 นั้น ได้กำหนดอาณาเขตอย่างไร เหตุใดรัฐธรรมนูญฉบับปีค.ศ. 1899 1935 1943 1973 1986 และ 1987 ล้วนไม่ได้จัดหมู่เกาะหนานซากับแนวหินโสโครกสการ์โบโรห์เข้าไว้ในอาณาเขตของฟิลิปปินส์ ทำไมจู่ๆ ก็กลายเป็นเจ้าของเกาะเหล่านี้
เมื่อปลายทศวรรษ 1970 จีนเคยดำเนินการสำรวจทางวิทยาศาสตร์บนแนวหินโสโครกสการ์โบโรห์และบริเวณรอบข้าง ต่อมาเคยตั้งศิลาจารึกไว้ที่นั่นด้วย แต่เมื่อปี 1997 ถูกฟิลิปปินส์ย้ายออกโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากจีน
จนถึงทศวรรษ 1990 แผนที่ทุกฉบับที่ทางการฟิลิปปินส์จัดทำ ล้วนไม่ได้รวมหมู่เกาะสปราตลี(หมู่เกาะหนานซาของจีน)และแนวหินโสโครกสการ์โบโรห์(เกาะหวงเหยียนของจีน)เข้าไว้ในอาณาเขตของฟิลิปปินส์แต่อย่างใด และปี 1961 รัฐสภาฟิลิปปินส์ผ่านมติเลขที่ 3046 ยับยั้งพฤติกรรมชิงอธิปไตยเหนือเกาะเหล่านี้
แต่เมื่อวันที่ 10 มีนาคมปี 2009 ฟิลิปปินส์ปรับปรุงแก้ไขมติดังกล่าว และประกาศมีอธิปไตยเหนือเกาะเหล่านี้โดยลำพังฝ่ายเดียว
มีข้อเท็จจริงที่ไม่ควรมองข้ามอยู่ข้อหนึ่งคือ มีสนธิสัญญาระหว่างประเทศ 3 ฉบับสนับสนุนจีนใช้อธิปไตยเหนือเกาะเหล่านี้ ซึ่งได้แก่ สนธิสัญญาปารีสสหรัฐอเมริกา-สเปนปี 1898 สนธิสัญญาวอชิงตันสเปน-สหรัฐอเมริกาปี 1900 และสนธิสัญญาอังกฤษ-สหรัฐอเมริกาปี 1930 สนธิสัญญาเหล่านี้ล้วนกำหนดชายแดนฟิลิปปินส์ให้อยู่ในเส้นลองจิจูดตะวันออก 118 องศา