หนังสือ "บันทึกลีลาการทูตของเติ้งเสี่ยวผิง" เขียนโดยจอง เหวิน และ เหวินฟู นักวิจัยจากสำนักวิจัยหนังสือที่มีค่าทางประวัติศาสตร์และสำนักวิจัยประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หน่วยงานในสังกัดคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน หนังสือเล่มนี้บันทึกผลงานด้านการทูต โดยเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ทางการทูตที่เติ้งเสี่ยวผิงมีส่วนร่วม และการติดต่อไปมาหาสู่กันกับนักการเมืองที่มีชื่อเสียงทั่วโลกของเติ้งเสี่ยวผิง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ทางด้านการทูต และการเป็นนักวางยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของเติ้งเสี่ยวผิง
ในรายการวันนี้ เราจะถ่ายทอดสาระจากหนังสือเล่มนี้ ตอนที่ 3 ที่มีชื่อว่า "เยือนประเทศฝรั่งเศส" ขอเชิญท่านติดตามรับฟัง
วันที่ 12 พฤษภาคมปี 1975 นายเติ้ง เสี่ยวผิง รองนายกรัฐมนตรีจีนโดยสารเครื่องบินถึงกรุงปารีส เริ่มเยือนฝรั่งเศสตามคำเชิญของรัฐบาลฝรั่งเศส นายฌาคส์ ชีรัก นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสจัดพิธีต้อนรับนายเติ้ง เสี่ยวผิง อย่างสมเกียรติที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปารีส
นายฌาคส์ ชีรัก นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวคำปราศรัยที่ท่าอากาศยานว่า การมาเยือนของฯพณฯ เติ้ง เสี่ยวผิง สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่สนิทแน่นแฟ้นระหว่างฝรั่งเศสกับจีน รวมถึงสร้างโอกาสความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างสองประเทศให้มากขึ้น
นายเติ้ง เสี่ยวผิงตอบว่า ข้าพเจ้ารู้สึกปิติยินดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสมาเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของรัฐบาลฝรั่งเศส ข้าพเจ้าเคยใช้ชีวิตในฝรั่งเศสตอนสมัยยังเป็นหนุ่ม ข้าพเจ้ามีความประทับใจประชาชนฝรั่งเศสที่มีไมตรีจิตมิตรภาพอันดีเป็นอย่างมาก วันนี้ ข้าพเจ้า รู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเดินทางมาเยี่ยมเยียนผืนแผ่นดินแห่งนี้อีกครั้ง นับตั้งแต่จีน- ฝรั่งเศสสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 1964 เป็นต้นมา ความสัมพันธ์ของสองประเทศพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การมาเยือนของข้าพเจ้าครั้งนี้มีวัตถุประสงค์จะกระชับมิตรสัมพันธ์จีน- ฝรั่งเศสให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า จากการพบปะเจรจากับผู้นำฝรั่งเศส จะเพิ่มความเข้าใจระหว่างกันให้มากขึ้น และขับเคลื่อนความสัมพันธ์ของสองประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป
ประวัติที่เคยใช้ชีวิตในฝรั่งเศส และคำตอบที่เปี่ยมด้วยความเป็นมิตรของนายเติ้ง เสี่ยวผิง ได้สร้างความเป็นกันเองกับประชาชนฝรั่งเศสขึ้นทันที
ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน นายเติ้ง เสี่ยวผิง เจรจากับ นายฌาคส์ ชีรัก นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส การเจรจาเริ่มต้นจากประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยนายฌาคส์ ชีรัค กล่าวว่า ฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างฝรั่งเศสกับจีนอย่างมาก เราเห็นว่า การพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจจะมีส่วนช่วยต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการเมือง
นายเติ้ง เสี่ยวผิงตอบว่า ขณะนี้ จีนยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนา ต้องสั่งซื้อเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์จำนวนมากจากประเทศพัฒนา แต่เรามีกำลังซื้อจำกัด นี่เป็นอุปสรรคประการหนึ่งในการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า นี่เป็นเพียงปัญหาชั่วคราวเท่านั้น
ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ให้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางเศรษฐกิจ โดยคณะกรรมการชุดนี้จะสลับกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีที่กรุงปักกิ่งและกรุงปารีส เพื่อพูดคุยในประเด็นเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจะพบปะเจรจาในยามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าจำเป็น ทั้งสองฝ่ายยังได้บรรลุข้อตกลงด้านวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลายฉบับ
บ่ายวันที่ 13 พฤษภาคมปี 1975 นายเติ้ง เสี่ยวผิงพบปะเจรจากับ นายวาเลอรี่ จิสการ์ด เดสแต็ง (Valéry Giscard d'Estaing) ประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่พระราชวังเอลีเซ่
ประธานาธิบดีวาเลรี่ จิสการ์ด เดสแต็ง กล่าวกับนายเติ้ง เสี่ยวผิงว่า รัฐบาลและประชาชนฝรั่งเศสรู้สึกปิติยินดีอย่างยิ่งที่ท่านเดินทางมาเยือนประเทศเรา ท่านเป็นผู้นำจีนที่เคยใช้ชีวิตในฝรั่งเศส เข้าใจวิถีชีวิต และแนวคิดของชาวฝรั่งเศสเป็นอย่างดี ทั้งนี้ทำให้เรารู้สึกดีใจและภูมิใจอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การรำลึกถึงช่วงที่ท่านใช้ชีวิตในฝรั่งเศสจะสร้างความสุขให้กับท่าน
การเจรจาของทั้งสองฝ่ายเน้นในประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ ขณะกล่าวถึงสถานการณ์โลก ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียต ประธานาธิบดีวาเลรี่ จิสการ์ด เดสแต็ง กล่าวว่า ขณะนี้ สถานการณ์โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง กล่าวในภาพรวม สหรัฐฯมีความเข้มแข็งกว่าสหภาพโซเวียต ฝรั่งเศสไม่เข้าใจว่า ทำไมช่วงใกล้ๆ นี้ จีนย้ำหลายครั้งว่า มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดการปะทะระหว่างประเทศมหาอำนาจ เราอยากทราบว่า สาเหตุใดทำให้จีนเกิดความคิดเห็นเช่นนี้
นายเติ้ง เสี่ยวผิงตอบว่า ชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งเข้าใจผิดว่า จีนเป็นประเทศที่นิยมทำสงคราม จึงเน้นย้ำถึงความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามมาโดยตลอด แต่จริงๆ แล้ว จีนเป็นประเทศที่รักสันติ และเป็นผู้ต้องรับความเสียหายจากสงครามรุกรานหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ปัจจุบันนี้ เราต้องการภาวะแวดล้อมที่สันติ เพื่อพัฒนาประเทศ กองทัพจีนจะไม่ไปรุกรานใคร ไม่จำเป็นต้องไปทำสงครามกับใคร สำหรับประเทศอื่น ข้าพเจ้าเห็นว่า ก็ต้องทำเช่นเดียวกับจีน คือไม่ส่งกองทัพไปทำสงครามกับประเทศอื่น
นายเติ้ง เสี่ยวผิง ยังกล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศมหาอำนาจสองประเทศ คือ สหรัฐฯ และสหภาพโซเวียต ชิงอำนาจครองความเป็นเจ้าโลกกัน ทำให้โลกไม่มีความสงบ จีนเห็นว่า ปัจจุบัน สหรัฐฯ ใช้ยุทธศาสตร์เชิงรับ ส่วนสหภาพโซวียตใช้ยุทธศาสตร์เชิงรุก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สหภาพโซเวียตยังไม่มีความพร้อมในการทำสงคราม
ขณะกล่าวถึงปัญหาในยุโรปและความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ ประธานาธิบดีวาเลรี่ จิสการ์ด เดสแต็ง กล่าวว่า ปัจจุบัน ยุโรปตกอยู่ในภาวะแตกแยก ถ้าจะแก้ปัญหานี้ ก็ต้องให้ยุโรปบรรลุเป้าหมายความเป็นเอกภาพทางการเมือง การป้องกันประเทศก่อน ฝรั่งเศสต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนที่มีความเสมอภาคเท่าเทียมกันกับสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯถือตนเป็นประเทศมหาอำนาจ มักจะยัดเยียดให้ประเทศยุโรป ซึ่งรวมทั้งฝรั่งเศสด้วยรับความคิดเห็น และข้อตกลงของเขา นี่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสและประเทศยุโรปอื่นๆ กับสหรัฐฯ
ด้านนายเติ้ง เสี่ยวผิงแสดงความเห็นว่า ยุโรปมีบทบาทด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการทหารที่มองข้ามไม่ได้ ประเทศยุโรปต้องมีความสามัคคีกัน จึงจะมีบทบาทที่เด่นชัดขึ้น ยุโรปต้องการสหรัฐฯ สหรัฐฯก็ต้องการยุโรป ด้วยเหตุนี้ การสร้างความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนที่มีความเสมอภาคเท่าเทียมกันระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ จะมีส่วนช่วยให้โลกนี้มีความมั่นคงมากขึ้น