"...กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ... ฮ้าไฮ้ ฮ้าไฮ้ กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ

แก้กองกิเลสทำคนให้เป็นคน ผลของการฝึกตน เล่นกีฬาสากล ตะละล้า..."

ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ฮือฮาเป็นข่าวรับมหกรรมกีฬาโอลิปิก 2012 กับการเตรียมเปิดสอนวิชา "ปีนต้นไม้" ของมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน ที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระหวังสร้างกระแสเรียกร้องจุดสนใจของทางมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่หารู้ไม่ว่าที่สหรัฐอเมริกาได้มีการเปิดสอนวิชานี้แล้ว และทางมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมินก็มีแม้กระทั่งการสอนวิชาตีกอล์ฟให้กับนักศึกษาที่เปิดสอนมานานถึงเจ็ดปีแล้วด้วย

โดยฝ่ายที่สนับสนุนเห็นด้วยกับความคิดจัดสอนวิชานี้อย่าง "เสี่ยวเฉิน" นักศึกษาชั้นปีสาม คณะบริหารการจัดการของมหาวิทยาลัยเห็นว่า เป็นวิชาที่มีความน่าสนใจ "เดี๋ยวนี้มีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ออกมามากมาย การเรียนการสอนวิชาพละก็เช่นกันต้องรู้จักปรับปรุงพัฒนารูปแบบใหม่ๆ ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ เรียนรู้แต่สิ่งเดิมๆ หากเทอมหน้าเปิดให้เลือกได้ ก็จะเลือกเรียนแน่นอน" ชดเชยช่วงชีวิตวัยเด็กที่ไม่มีโอกาสได้ปีนเล่นอย่างคนอื่นเขา เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะนอกจากได้เล่นสมใจแล้วยังสามารถเก็บหน่วยกิตไปได้พร้อมกันด้วย

โดยทางอาจารย์ฝ่ายกีฬาของมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมินได้ออกมายืนยันว่า อยู่ในระหว่างการเตรียมเปิดสอนวิชา "ปีนต้นไม้" นี้จริง และกำลังทำการคัดเลือกสถานที่เรียน เตรียมความพร้อมด้านครูผู้สอน รวมถึงหลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งเป็นไอเดียความต้องการของอธิการบดีมหาวิทยาลัย ภายหลังกลับจากการเดินทางไปดูงานที่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากเห็นว่าวิชาดังกล่าวมีความน่าสนใจ เป็นการฝึกฝนทักษะในการเอาตัวรอด ที่สามารถนำไปใช้ช่วยชีวิตตนเองรวมถึงผู้อื่นได้ในยามจำเป็น จึงนับเป็นอีกหนึ่งวิชาเลือกตัวใหม่จาก 30 กว่าประเภทในหมวดหมู่วิชาพละศึกษาของทางมหาวิทยาลัย ที่นอกจากมีกีฬาทั่วๆ ไปที่เคยเรียนกันมาตั้งแต่ประถมถึงมัธยมแล้ว ยังมีพิเศษอย่างมาราธอน รักบี้ พายเรือมังกร การเอาตัวรอดในป่า การดำรงชีพบนเกาะ การปีนผา เป็นต้น ที่จะช่วยให้นักศึกษาได้มีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้นและเหมาะสมตามความสนใจของแต่ละคน ซึ่งการที่ทางมหาวิทยาลัยเลือกเปิดสอนวิชาปีนต้นไม้เป็นตัวเลือกใหม่นั้น เพราะมีพื้นฐานของวิชาเอาตัวรอดในป่า และการปีนหน้าผาที่เปิดสอนอยู่ นอกจากนี้วิชาปีนต้นไม้นี้ก็มีการเปิดสอนกันในโรงเรียนต่างประเทศแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

แต่ก็มีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยอย่าง "เสียวหลี่" นักศึกษาปริญญาโท ปีหนึ่ง ที่รู้สึกว่าการเปิดสอนวิชานี้เป็นเพียงความคิดตื้นๆ คิดแต่จะลอกเลียนแบบโดยขาดการพิจารณาให้รอบคอบว่ากีฬานี้เหมาะกับนักศึกษาจีนหรือไม่ และหากเลือกต้นไม้ที่เหมาะสมได้แล้ว จะให้น้ำหนักหลายสิบโลของแต่ละคนขึ้นไปปีนป่าย ย่อมสร้างความเสียหายให้กับต้นไม้ น่าจะถูกจัดเข้าข่ายทำลายสิ่งแวดล้อม

ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือคัดค้านถือเป็นสิทธิโดยชอบของแต่ละคน ที่จะมองต่างแง่ต่างมุมกันไปได้ ซึ่งถ้ามองในแง่บวกแล้วอาจกล่าวได้อีกทางหนึ่งว่า ทางผู้บริหารของมหาวิทยาลัยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการกีฬา ที่มีการพัฒนานำเสนอสิ่งแปลกใหม่ตอบสนองตามความต้องการของคนรุ่นใหม่

โดยการเรียนปีนต้นไม้นั้น ไม่ใช่ว่าเป็นการเรียนรู้ปีนป่ายด้วยมือเปล่า แต่เป็นการเรียนรู้ในการใช้อุปกรณ์เครื่องมือช่วยเหลือเพื่อรับรองด้านความปลอดภัยของผู้เรียน ให้ผู้เรียนรู้จักวิธีการใช้เชือก เข็มขัดนิรภัย อุปกรณ์ป้องกันต่างๆ รวมถึงเรียนรู้หลักการพื้นฐานด้านความปลอดภัย ซึ่งความสูงของต้นไม้ที่ใช้เรียนอยู่ที่ราว 3-5 เมตร ส่วนรูปแบบการปีนจะมีความคล้ายคลึงกับวิชาปีนหน้าผาจำลอง ซึ่งหากนักศึกษาสามารถเรียนรู้หลักการและปีนขึ้นต้นไม้ได้สำเร็จ ก็สามารถสอบผ่านได้หน่วยกิตของวิชานี้ไป นับเป็นการเพิ่มทักษะการเอาตัวรอด และฝึกฝนความคล่องแคล่วให้กับผู้เรียนได้อีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้ ทางคณาจารย์ผู้รับผิดชอบวางแผนหลักสูตรกล่าวว่า เร็วสุดคงสามารถเปิดสอนได้ในภาคการศึกษาหน้า และหากทำตามแผนการที่ตั้งไว้ได้จริง มหาวิทยาลัยเซี่ยเหมินก็จะกลายเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของจีนที่เปิดการเรียนการสอนวิชานี้ขึ้น และครองความเป็นผู้นำได้อย่างงดงามอีกครั้งเหมือนตอนเปิดสอนวิชาตีกอล์ฟ ที่หลายคนปรามาสไว้ในตอนแรก แต่ก็สามารถดำเนินการมาได้ด้วยดี

และจะว่าไปนอกเหนือจากมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน ประเทศจีนยังมีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งอื่นอีก ที่มีความล้ำสมัยในการเปิดสอนวิชาเลือกสาขาพิเศษๆ ให้กับนักศึกษา อาทิ มหาวิทยาลัยจงซาน ได้เปิดสอนวิชา "แฮร์รี่ พอตเตอร์กับพันธุศาสตร์ หรืออย่างสถาบันสตรีจินหลิงหนี่ว์จื่อของมหาวิทยาลัยครูหนานจิง ได้เปิดสอน "ความรู้ทั่วไปสำหรับหญิงสาวสมัยใหม่" หรืออย่างวิชา "จิตวิทยาความรัก" ของวิทยาลัยการเงินกว่างตง ที่จะสอนนักศึกษาให้รู้จัก "รักให้เป็น" หรือวิชา "เป็นตาย" ของมหาวิทยาลัยกว่างโจว ที่สอนวิธีการเขียนหนังสือลาตาย การเขียนพินัยกรรม เป็นต้น นับว่าชาวจีนเป็นอีกหนึ่งชนชาติที่ไม่หยุดคิดค้นและลงมือทำ รวมถึงทุ่มเทกำลังเพื่อนำไปสู่การพัฒนาและสร้างสรรค์ที่รวมถึงในด้านการกีฬาด้วย สำหรับโอลิมปิกปี 2012 นี้ ทัพนักกีฬาจีนจะโชว์ฟอร์มได้ดีมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องตามลุ้นและส่งแรงใจให้กับพวกเขาต่อไป