"เกาเข่า" คือระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของจีน ประวัติของ"เกาเข่า"ของจีนก่อนปี 1949 การจัดการสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือ"เกาเข่า"ของจีนไม่ใช่เวลาเดียวกันกับปัจจุบัน โดยแต่ละมหาวิทยาลัยจะกำหนดกันเอง ตั้งแต่ปี 1966 ที่จีนเกิดการปฏิวัติทางวัฒนธรรมหรือ"文化大革命"ก็ทำให้หยุดการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จนกระทั่งปี 1977 นายเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้ริเริ่มนโยบายการเปิดประเทศและปฏิรูปของจีนได้ฟื้นฟู "เกาเข่า"อีกครั้ง ซึ่งปีนั้นมีนักเรียนสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย 5,700,000 คน แต่รับนักศึกษาได้ 270,000 คน อัตราสอบผ่านคิดเป็นร้อยละ 4.7 การฟื้นฟูระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้งได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนหลายล้านคน อีกทั้งเปลี่ยนแปลงการศึกษาของจีนและอนาคตของจีนด้วย ตั้งแต่ปี 1977 จนถึงปี 2003 กำหนดการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของจีนคือในวันที่ 7 8 และ 9 ของเดือนกรกฎาคม ต่อมาในปี 2003 จนถึงปัจจุบัน เวลาของ"เกาเข่า"ของจีนเปลี่ยนมาเป็นวันที่ 7 และ 8 มิถุนายนของแต่ละปี

ทำไมจีนเปลี่ยนกำหนดการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะว่า อุณหภูมิในเดือนกรกฎาคมของภูมิภาคส่วนใหญ่ของจีนร้อนมาก และมักจะเกิดภัยธรรมชาติในเดือนนี้ จึงส่งผลกระทบกับนักเรียนที่สอบและการตรวจสอบข้อสอบของอาจารย์ด้วย ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจีนจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเวลาของ"เกาเข่า" เพื่อเป็นผลดีต่อสุขภาพของนักเรียนที่เข้าสอบ ยกระดับคุณภาพของ"เกาเข่า"และสร้างบรรยกาศที่ดีกับอาจารย์ที่ตรวจสอบข้อสอบ โดยกำหนดว่าเวลาจัดการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของจีนคือในวันที่ 7 และ 8 เดือนมิถุนายนของทุกปี ได้แก่ เวลา 9.00-11.30 น. วันที่ 7 มิถุนายน สอบวิชาภาษาจีน เวลา 15.00-17.00 น.วันที่ 7 มิถุนายน สอบวิชาคณิตศาสตร์ ส่วนเวลา 9.00-11.30 น. วันที่ 8 มิถุนายน สอบวิชารวมของศิลปศาสตร์หรือวิชารวมของวิทยาศาสตร์ เวลา 15.00-17.00 น.วันที่ 8 มิถุนายนสอบวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งแต่ละวิชาเป็น 150 คะแนน และมียอดคะแนนสูงสุด 750 คะแนน

กระทรวงศึกษาธิการของจีนเปิดเผยว่า การสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วประเทศประจำปี 2012 มีผู้สมัคร 9,150,000 คนส่วนอัตราการรับเฉลี่ย 75% ซึ่งได้เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่มีผู้สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยน้อยลง ขณะที่อัตราการรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องกันหลายปีแล้ว จำนวนนักเรียนที่สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อปีที่แล้ว มี 9,330,000 คน ส่วนอัตราสอบผ่านคิดเป็นร้อยละ 72.3

จำนวนนักเรียนที่สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อปี 2009 มี 10.2ล้านคน ส่วนอัตราสอบผ่านคิดเป็นร้อยละ 62 จำนวนนักเรียนที่สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อปี 2010 มี 9,570,000 คนส่วนอัตราสอบผ่านคิดเป็นร้อยละ 69 จำนวนนักเรียนที่สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อปี 2011 มี 9,330,000 คน ส่วนอัตราสอบผ่านคิดเป็นร้อยละ 72.3 ส่วนปีนี้มีผู้สมัคร 9,150,000 คน ส่วนอัตราสอบผ่านคิดเป็นร้อยละ 75ค่ะ จำนวนนักเรียนที่ต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราสอบผ่านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกันค่ะ

Ying/kt