ตามข้อกำหนดของกฎหมายระหว่างประเทศกล่าวว่า ดินแดนที่"ยึดครองก่อน"ต้องเป็นดินแดนที่ไม่มีเจ้าของเท่านั้น ส่วนเกาะเตี้ยวอวี๋และหมู่เกาะบริเวณรอบไม่ไช่"ดินแดนที่ไม่มีเจ้าของ" แต่เป็นบูรณภาพเหนือดินแดนของจีนมาแต่ดั้งเดิม
ญี่ปุ่นโกอ้างว่า นักธุรกิจญี่ปุ่นได้"พบ"เกาะเตี้ยวอวี๋ในปี 1884 หลังจากผ่านการสำรวจของรัฐบาลโดยยืนยันว่าเกาะเตี้ยวอวี๋เป็น"ดินแดนที่ไม่มีเจ้าของ" และคณะรัฐมนตรีลงมติเมื่อปี 1895 โดยกำหนดว่าญี่ปุ่น"ปกครอง"เกาะเตี้ยวอวี๋ตามข้อกำหนด"การยึดครองก่อน"ของกฏหมายระหว่างประเทศ
จีนพบ บันทึกและตั้งชื่อเกาะเตี้ยวอวี๋และหมู่เกาะบริเวณรอบก่อนประเทศใดๆ และดำเนินการประมงบริเวณเกาะเตี้ยวอวี๋มาก่อนใครในโลกด้วย ซึ่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เมื่อในสมัยราชวงค์หมิง จีนได้รวมเกาะเตี้ยวอวี๋เป็นหมู่เกาะบริเวณรอบของเกาะไต้หวันอยู่ในเขตป้องกันน่านน้ำ และเมื่อในสมัยราชวงค์ชิง เกาะเตี้ยวอวี๋ได้เป็นเขตบริหารของทางการไต้หวัน
"การยึดครองเกาะเตี้ยวอวี๋ก่อน"ของญี่ปุ่นนั้นความจริงเป็นการฉกฉวย มีเอกสารทางการของญี่ปุ่นเป็นหลักฐาน ในปี 1885 และหลายปีต่อมา หลังจากผู้ว่าอำเภอโอกินาว่าของญี่ปุ่นได้สั่งคนแอบสำรวจเกาะเตี้ยวอวี๋แล้ว ก็ยื่นเอกสารกับรัฐบาลหลายหลายครั้งว่า ขอทำการตั้งสัญลักษณ์ประจำชาติบนเกาะเตี้ยวอวี๋จากรัฐบาล ขณะนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทราบอย่างชัดแจ้งว่า เกาะเตี้ยวอวี๋และหมู่เกาะบริเวณรอบเป็นของจีน ถึงแม้ว่ามีเจตนารมณ์อยากจะยึดครองแต่ยังไม่กล้าทำ จนถึงสงครามจีน-ญี่ปุ่นในระหว่างปี 1894-1895 รัฐบาลญี่ปุ่นได้เห็นว่ารัฐบาลราชวงค์ชิงพ่ายแพ้แน่นอน จึงรับดำเนินตามข้อกำหนดที่"การยึดดินแดนไว้ก่อน" จึงยึดครองเกาะเตี้ยวอวี๋อย่างผิดกฎหมาย
"การยึดครองดินแดนไว้ก่อน"ต้องประกาศอย่างเปิดเผย แต่ญี่ปุ่นไม่กล้าประกาศอย่างเปิดเผย ซึ่งคณะรัฐมนตรีผ่านมติให้รวมเกาะเตี้ยวอวี๋อยู่ในการปกครองของอำเภอโอกินาว่า แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ญี่ปุ่นเจตนาจะปิดบังความจริงที่ฉกฉวยดินแดนของจีน แต่การยึดครองเกาะเตี้ยวอวี๋นั้นเป็นการกระทำที่ยิ่งปกปิดยิ่งเห็นชัดเจน
Ying/kt