เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:หยุดยาวออกไปแล้วได้เที่ยวมั๊ย? เที่ยวกันเป็นมั๊ย?
  2012-10-06 15:39:22  cri

"ขึ้นรถเป็นหลับ จอดปั๊บเป็นต้องปลดทุกข์ ลงรถไปถ่ายรูป กลับบ้านปุ๊บเป็นสลบเหมือด"

และนี่คงเป็นบทสรุปการออกไปท่องเที่ยวของใครหลายๆคน โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ต้องผจญกับการแออัดเบียดเสียดกับการเที่ยวในประเทศช่วงหยุดยาวของทุกปี และต่างจบลงด้วยคำว่า เหนื่อยโหดเป็นที่สุด และบ่นอุบไปตามๆ กันว่า "เสียเงินไปทรมานตัวเองกันแท้ๆ" ยิ่งวันหยุดเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติจีนปีนี้รวบติดกันได้วันหยุดยาว 8 วัน ผนวกกับการปล่อยผ่านไม่เก็บค่าทางด่วน ดังนั้น วันหยุดสัปดาห์ทองปีนี้จึงเป็นไปตามคาด คือ รถติดหนักยิ่งขึ้นไปอีก แต่จะว่าไปแล้วปริมาณรถยังไม่หนักหนาเท่ากับปริมาณคน ที่มีข่าวออกมาให้เห็นให้ได้ยินกันทุกปี ในความหนาแน่นของคลื่นมนุษย์ลูกหลานมังกรเหล่านี้

 

ชวนให้ใครหลายคนอดตั้งคำถามในใจไม่ได้ว่า ออกไปเที่ยว แล้วได้เที่ยวกันมั๊ยเนี่ย? เพราะมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่หัวคน บดบังวิวทิวทัศน์และความงามของสิ่งปลูกสร้างที่ต้องการไปชมไปสัมผัสกันเสียหมด และแทนที่จะได้ถ่ายรูปตนเองเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็กลายเป็นรูปหมู่ชวนลุ้นระทึกที่กลืนหายไปในฝูงชนเสียแทน และแม้ว่านักท่องเที่ยวลูกหลานมังกรต่างรู้แก่ใจดีว่า วันหยุดยาวอย่างนี้คนต้องเยอะ รถต้องแยะ คิวต้องยาว และเด็กเล็กหรือผู้สูงวัยต้องเสี่ยงต่อการพลัดหลงกันได้ง่ายๆ แต่ให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อที่ผ่านมาต้องทำงานไม่ได้หยุด "ปกติไม่มีเวลา จะได้ออกมาเที่ยวไกลหน่อยก็ต้องอาศัยช่วงวันหยุดยาวอย่างวันชาติอย่างนี้เท่านั้น"

ซึ่งวันหยุดยาวของจีนนั้น เดิมทีมีด้วยกันสามช่วง คือ วันตรุษจีน วันแรงงาน(1พ.ค.) และวันชาติจีน(1 ต.ค.) แต่ต่อมาตัดวันหยุดยาวเนื่องในโอกาสวันแรงงานออกไป เปลี่ยนเป็นมาให้หยุดในวันเทศกาลเชงเม้ง ไหว้พระจันทร์ และไหว้บ๊ะจ่างแทน และแน่นอนวันหยุดสั้นๆ อย่างนี้จะให้ไปเที่ยวไหนไกลก็คงยาก เพราะคิดแล้วเสียค่าเดินทางค่าที่พักไม่คุ้ม ดังนั้น เมื่อทุกคนต้องมารวมหยุดยาวพร้อมกัน เทศกาลชมจันทร์ปีนี้จึงมีผลงานทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าอย่างที่เห็น

สภาพชายหาดต้าตงไห่ เมืองซานย่า มณฑลไห่หนาน(ไหหลำ) ที่มีความยาวเกือบ 3 กิโลเมตร

เกลื่อนไปด้วยขยะจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากถึง 50 ตัน ภายหลังการชมจันทร์ในค่ำวันเทศกาลที่ผ่านมา

ซึ่งต้องใช้แรงงานเก็บกวาดถึง 600 คน และใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงจึงจะจัดการได้แล้วเสร็จ

ด้วยจำนวนคนที่เบียดเสียดเพราะมารวมเที่ยวในช่วงเดียวกัน บวกกับพฤติกรรมที่ไม่คำนึงถึงส่วนรวมเหล่านี้ จึงทำให้เกิดเป็นอีกหนึ่งคำถามขึ้นในใจใครต่อใครหลายคนว่า คนจีนเที่ยวกันเป็นมั๊ย? ...แต่ถ้านึกดูให้ดีแล้วเบื้องหลังของการที่คนจีนต้องมาสุมรุมเที่ยวพร้อมๆ กัน เนื่องเพราะปัจจัยแวดล้อมที่ตีกรอบบังคับให้เป็นไป คนส่วนใหญ่ต่างไม่มีเวลาเป็นของตนเอง ไม่มีวันหยุดที่เลือกกำหนดเองได้ เมื่อได้เวลาหยุดพร้อมกันผลก็คือผู้คนต่างมารวมกระจุกเที่ยวกัน ผลจึงเป็นอย่างที่เห็น ดังนั้น ชาวจีนไม่น้อยต่างหันหน้าเบนเข็มออกไปเที่ยวต่างประเทศ

จากสถิติปี 2008 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจำนวน 45.84 ล้านคน ปี 2009 มีจำนวนกว่า 47 ล้านคน ปี 2010 เท่ากับ 57.39 ล้านคน และในปี 2011 ที่ผ่านมาสูงถึง 70.25 ล้านคน และมียอดการใช้จ่ายในต่างประเทศสูงถึง 69,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

จางกว่างจู้ 张广柱 วัย 63 ปีกับคู่ชีวิตหวังจงจิน 王钟津 วัย 61 ปี

แบ็คแพ็คเกอร์คู่ดังกับประสบการณ์ "แบ็กแพ็คท่องโลก" 7 ทวีปกว่า 40 ประเทศ

ซึ่งอันที่จริงแล้ว นักท่องเที่ยวจีนมีการปรับปรุงตนเองกันแล้ว คนที่มีจิตสำนึกในการเที่ยว รู้จักเที่ยว และเที่ยวเป็นมีจำนวนไม่น้อย ตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุคู่นี้ที่ฝ่ายชายอายุ 63 ปี ฝ่ายหญิงอายุ 61 ปี ชาวเมืองปักกิ่ง ที่ทั้งคู่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ หัดใช้อินเตอร์เน็ต เตรียมความพร้อมร่างกาย เพื่อออกท่องเที่ยวแบบแบ็กแพ็ค ไปเที่ยวต่างประเทศแบบอิสระด้วยตัวเองกันในปี 2008 ทั้งคู่เดินทางท่องยุโรป อเมริกาเหนือ รัสเซีย และอื่นๆ หลังจากนั้นก็ใช้เวลา 100 วันไปกับการท่องเที่ยว 4 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก และคิวบา และก็ได้ไปเที่ยวต่ออีกหลายต่อหลายที่ ซึ่งทั้งสองท่านเป็นเพียงชาวปักกิ่งธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีสินทรัพย์ร่ำรวยอะไร หลังปลดเกษียณมีเงินบำนาญเพียงพอสำหรับยังชีพเท่านั้น ซึ่งเงินทุนก้อนใหญ่ที่ทั้งสองใช้ในการท่องเที่ยวนั้นได้มาจากการขายบ้านไปนั่นเอง เพราะทั้งสองเห็นว่าความสุข คือ การไขว้คว้าในสิ่งที่ตนต้องการ

"อิสระเสรี" เป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่หาและต้องการ ซึ่งผู้สูงวัยทั้งสองมีในสิ่งนี้แม้ไม่มีบ้านแล้วจึงยังมีสุขดีได้ แต่สำหรับคนหนุ่มสาวคนวัยทำงานต้องยอมรับความจริงในข้อที่ว่า แต่ละคนยังคงถูกวันหยุดประจำปีตีกรอบจำกัดอิสระในการท่องเที่ยวอยู่ และเมื่อเข้าสู่วัยกลางคนก็ยังต้องมีภาระในเรื่องลูกเรื่องครอบครัวเข้ามาจำกัดอิสระเสรีอีก การเลือกวันหยุดได้เองโดยไม่ถูกตัดเงินเดือน จึงเป็นสิ่งที่ชาวจีนต้องการและรอวันเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้ของสังคมจีน แล้วเมื่อนั้นคำถามคลางแคลงใจที่ว่า ออกไปแล้วจะได้เที่ยวได้เห็นความงามกันจริงมั๊ย และจะไปเที่ยวกันเป็นหรือไม่นั้นก็น่าจะหมดไปในที่สุด

เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040