เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:"เปลี่ยนหน้า" ก่อนสมัครงาน เพื่อโอกาสได้งานทำมากขึ้น?
  2012-11-27 13:05:03  cri
จากข้อมูลทางสถิติพบว่า ในจำนวนชาวจีนที่ตัดสินใจทำศัลยกรรมตกแต่งเสริมความงามนั้น ร้อยละ 30 ของผู้ที่มาทำเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่จะหาจังหวะเหมาะก่อนถึงช่วงต้องออกสมัครงานไปเข้ารับการผ่าตัดเสริมแต่งความงามบนใบหน้า ดร.หลิว ฝ่ายศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลอู่ฮั่นยูเนียนให้รายละเอียดว่า จำนวนนักศึกษาที่มาทำศัลยกรรมคิดเป็นร้อยละ 30 และมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี โดยในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนหรือภาคฤดูหนาว และในช่วงใกล้จบการศึกษาที่ต้องรีบหางานทำ จะเป็นช่วงพีคที่มีนักศึกษามาทำมากที่สุด และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ นักศึกษาชายก็เริ่มให้ความสนใจกับรูปลักษณ์ภายนอกของตนเองกันมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนตา จมูก และคาง ที่เป็นส่วนที่ดึงดูดความสนใจจากผู้พบเห็นมากที่สุดบนใบหน้า งานผ่าตัดศัลยกรรมจึงทำเกี่ยวกับอวัยวะเหล่านี้มากสุด

หนุ่มนักศึกษาปริญญาโทปีสาม มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น วัย 24 ปี อาศัยช่วงเวลาสองสัปดาห์ในขณะที่เพื่อนนักศึกษากำลังวุ่นกับการยื่นเอกสารสมัครงาน หรือวิ่งเข้าร่วมกิจกรรมวันนัดพบแรงงานตามที่ต่างๆ ไปเข้ารับการผ่าตัดทำตาสองชั้นและเสริมดั้งจมูก โดยเจ้าตัวว่า แต่ก่อนคิดมาตลอดว่า มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะต้องกังวลสนใจในเรื่องความสวยความงามของตัวเอง แต่พอตอนช่วงใกล้จบปริญญาตรี ปีที่สี่ ประสบการณ์การหางานทำในตอนนั้น ทำให้มุมมองความคิดเขาในเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง การสมัครงานในตอนนั้น ด้วยผลงานและประสบการณ์การทำกิจกรรมชมรมที่โดดเด่น ทำให้เขาเข้าตาบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งที่ติดอันดับ 500 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งเขาก็สามารถผ่านการทดสอบข้อเขียนได้ด้วยดี แต่ตกม้าตายเอาตอนสอบสัมภาษณ์ไปอย่างน่าเสียดายน่าจะเพราะความ "ตาตี่ไม่มีดั้ง" ของตน เขาว่า ค่าใช้จ่ายยังชีพสำหรับหนึ่งปีและเงินเก็บจากการทำงานพาร์ตไทม์รวมกันประมาณ 10,000 หยวนหมดไปกับการทำศัลยกรรมครั้งนี้ และความเจ็บปวดจากการทำนั้นมากเกินจะทน "ทำเอาแทบจะเป็นลมหมดสติได้เลย เนื้อตัวก็เย็นไปหมดแต่เหงื่อกลับออกซึมเสื้อเปียกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง" แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและคุ้มค่า

สถานเสริมความงามเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองอู่ชางให้ข้อมูลว่า ช่วงปลายปีและต้นปีจะเป็นช่วงที่มีนักศึกษามาขอรับบริการผ่าตัดเสริมความงามกันมากสุด โดยเฉลี่ยแล้วตกปีละ 8-15 คน ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาว อายุระหว่าง 19-24 ปี และมักนิยมมาทำตาสองชั้น เสริมจมูกและเหลาหน้า ค่าทำอยู่ที่ราว 1,000 -20,000 หยวน และจากการรายงานผลการทำสำรวจ นักศึกษามหาวิทยาลัยในเมืองหนันจิง เซี่ยงไฮ้ และอื่นๆ รวม 8 แห่ง พบว่า อัตราที่คนรอบข้างหรือตนเองไปทำศัลยกรรมมาเท่ากับร้อยละ 32.67 และร้อยละ 52 รู้สึกว่าการทำศัลยกรรมนี้ นอกจากการจะนำมาซึ่งความรู้สึกพึงพอใจในรูปลักษณ์ของตนเองได้แล้ว ยังเพิ่มโอกาสการมีงานทำได้ด้วย

แต่จากการสำรวจสภาพการณ์รับสมัครงานในปัจจุบันของนักข่าวจีนกลับพบว่า บริษัท หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ของจีน ส่วนใหญ่ไม่ได้มีหลักการที่ว่า "คัดคนเอาหน้า" แต่อย่างใด โดยจากการสุ่มสำรวจการประกาศรับสมัครงานจำนวน 45 แห่ง มีเพียง 3 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ 5 รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ 2 ธนาคารและสถาบันการเงินเท่านั้น ที่เจาะจงแน่ชัดว่า หากผู้สมัครมีหน้าตาบุคลิกท่าทางดีจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ส่วนที่เหลืออีก 35 แห่ง ไม่ได้ระบุไว้ในเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้สมัครแต่อย่างใด โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์และธนาคารให้คำตอบว่า ที่ระบุเงื่อนไขการพิจารณาดังกล่าวนั้น เพราะตำแหน่งพนักงานขายหรือฝ่ายให้บริการต้องพบปะติดต่อกับลูกค้าโดยตรงนั้น หากพนักงานมีบุคลิกดีหน้าตาดีย่อมเพิ่มความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้กับลูกค้า อีกทั้งยังช่วยเป็นหน้าเป็นตาเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทได้ด้วยนั่นเอง แต่หากเป็นในตำแหน่งที่ต้องอาศัยความชำนาญทักษะเฉพาะด้านอื่นๆ อาทิ ฝ่ายไอที ฝ่ายวางแผน ฝ่ายวิศวกรก่อสร้าง ก็ย่อมจะพิจารณาความรู้ความสามารถเป็นสำคัญ

ด้านนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ ดร.ซุน ศูนย์สุขภาพจิต มหาวิทยาลัยครูหัวจง แสดงความเห็นว่า นักศึกษาบางคนที่ยอมเจ็บตนหันไปพึ่งมีดหมอเพื่อให้ได้งานดีๆทำ อาจเกิดจากความขัดแย้งกันในเรื่องตัวตนที่แท้จริงของตนกับตัวตนในอุดมคติที่ตนคาดหวัง ยิ่งนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ก็มักจะตั้งเป้าหมายไว้สูง มองแต่บริษัทใหญ่องค์กรดังเท่านั้น เมื่อพบกับความผิดหวังไม่ราบรื่นก็จะมองว่าเป็นเพราะปัจจัยภายนอกหรือรูปร่างหน้าตา ถือเป็นปฏิกิริยาป้องกันตนเองอย่างหนึ่ง เนื่องจากความแตกต่างที่คลาดเคลื่อนในการรู้จักเข้าใจตนเอง ดังนั้น จึงควรยอมรับเห็นถึงความบกพร่องของตนเอง ขณะเดียวกันก็มองให้เห็นถึงคุณสมบัติที่โดดเด่นดีกว่าคนอื่นของตนด้วย ตั้งเป้าที่ตนสามารถไปให้ถึงได้แล้วก็ยึดมั่นเป็นแนวทางไปพร้อมกับวางแผนให้บรรลุเป้าหมายแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะได้เมื่อถึงเวลาที่ต้องสมัครงานแล้ว ไม่ต้องเคว้งคว้างและเพิ่งมาค้นพบว่าตนไม่เหมาะสมพอกับความต้องการของตำแหน่งงาน

เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
社会
v เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:"เปลี่ยนหน้า" ก่อนสมัครงาน เพื่อโอกาสได้งานทำมากขึ้น? 2012-11-27 13:05:03
v เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:ขีดจำกัดความอดทนนักศึกษาจีนถดถอยลงเรื่อยๆ 2012-11-23 13:04:16
v เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:วันนี้คุณต่อแถวแล้วหรือยัง? (2) 2012-11-20 17:21:30
v เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:วันนี้คุณต่อแถวแล้วหรือยัง? (1) 2012-11-16 17:00:19
v เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:11 พฤศจิกายน วันคนโสดหรือวันนักช้อปฯ กันแน่ 2012-11-13 16:53:17
v เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:สินค้าแบรนด์เนมต่างประเทศในจีน นอกจากแพงยังแถมมีปัญหา "สองมาตรฐาน" 2012-11-09 14:35:06
v เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:กิจการร้านค้าออนไลน์โหดหนักเกินคาด ทำเจ้าของร้านวัยหนุ่มสาวร่วงอีกหนึ่ง 2012-11-06 15:43:02
v งานส่งเสริมการมีงานทำของจีนประสบผลชัดเจน 2012-09-11 17:29:04
v จีนเพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำสุดเพื่อดึงดูดแรงงานชนบท 2012-02-21 15:43:10
v ความนิยมสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการ 2011-12-20 15:18:29
v จีนประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน ขณะที่บัณฑิตจบใหม่หางานยาก 2011-05-27 15:21:38
v อาชีพแปลกใหม่ที่นักศึกษาจีนนิยมทำกัน (2) 2011-04-08 16:58:43
v บัณฑิตสู้แรงงานชนบทไม่ได้? 2011-03-22 13:38:31
v มนุษย์พันธุ์ใหม่ไม่ทน ไม่สน ไม่สู้ 2011-03-09 20:58:17
v อาชีพแปลกใหม่ที่นักศึกษาจีนนิยมทำกัน (1) 2011-02-24 15:30:50
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040