"หนี่ ซิง ฝู่ มา?" เป็นคำถามยอดฮิตในประเทศจีนปีนี้ ซึ่งแปลว่า "คุณมีความสุขดีไหม"
ซึ่งเกิดขึ้นบนเวทีของรายการยอดฮิตช่องซีซีทีวี ทั้งนี้เป็นเพราะทุกวันนี้ประเทศจีนประสบความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจอย่างสูง ซึ่งวัดได้จากยอดการค้าและการส่งออกล่าสุด ซึ่งแม้จะยังไม่ยอมรับอย่างเต็มตัว แต่ตัวเลขที่โชว์ก็ระบุแล้วว่าจีนผงาดแซงหน้าสหรัฐอเมริกาขึ้นมาอยู่เบอร์หนึ่งของโลกแล้ว ในขณะที่ปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศของเมืองลุงแซมยังง่อนแง่น แต่ทางฝั่งของพี่จีนกลับมั่นคงโตวันโตคืน จนต้องลดความร้อนแรงปรับลดจีดีพีของตัวเองในปีนี้ให้ลดน้อยลงเหลือเพียงร้อย 7.8
ความสำเร็จที่รวดเร็วหลังจากเปิดประเทศมาเพียง 30 กว่าปีนี้ ทำให้เกิดผลพวงทางสังคมต่างๆ ตามมามากมาย ที่เป็นเศษฝุ่นละอองจากการจิกปลายก้มหน้าวิ่งสปีดอย่างไม่เหลียวหลัง ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นการโตแบบกลวงๆ ภายนอกนั้นดูแข็งแกร่ง แต่ภายในกลับมีข้อขัดข้องและบอบช้ำหลายอย่าง พรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งเป็นพรรคบริหารประเทศก็ได้รับการท้าทายอย่างยิ่งยวดนานาประการ ซึ่งเป็นบททดสอบถึงการบริหารงานว่าจะเดินไปสู่ทิศทางใดในกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เชี่ยวกราก
ความผิดพลาดของ "หลิวเสียง" แชมป์โลกชาวจีนในการวิ่งข้ามรั้ว 110 เมตรชาย บนลู่โอลิมปิกลอนดอนเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ชาวจีนทั้งประเทศที่ฝากความหวังไว้ตกตะลึงและผิดคาด ทั้งที่เขาวิ่งข้ามนำโด่งตั้งแต่ออกสตาร์ท แต่หลังจากก้าวข้าม หรือที่ชาวจีนรียกว่า "บิน" ซึ่งเป็นสร้อยต่อท้ายชื่อของยอดนักกีฬาคนนี้ที่ว่า "หลิวเสียง คนบิน" ไปได้ไม่กี่รั้ว ก็ก็สะดุดล้มคว่ำลงอย่างเหนือความคาดหมาย จนต้องเขย่งขาเดียวออกนอกสนาม แต่ด้วยความลนลานและเสียหน้า เขาก็ออกประตูผิด เพราะทางที่เข้ามาเขาไม่อนุญาตออก ต้องลากสังขารไปที่ทางออกที่ปลายเส้นชัย แต่ยังโชคดีที่เพื่อนนักวิ่งที่ชิงชัยกันมาตลอด ใจดีมีน้ำใจนักกีฬามาช่อยประคองออกไปอย่างทุลักทุเล โดยที่เจ้าหน้าฝ่ายปฐมพยาบาลประจำสนามนิ่งเฉยเหมือนสมน้ำหน้าอยู่นาน จนเพื่อนพาเขามาถึงปากประตูจึงค่อยได้เก้าอี้รถเข็น
เหตุการณ์นี้นับได้ว่าเป็นคติของคนจีนทั้งประเทศเลยก็ว่าได้ เพราะคนที่เก่งขนาดไหนก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเตรียมตัวมาดีอย่างไร ใจเต็มร้อย เชื่อมั่นเกินพิกัด ร่างกายสมบูรณ์พันเปอร์เซ็นต์ แต่ความผิดพลาดก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอในระดับการวิ่งที่เหนือมนุษย์เช่นนี้ และอีกนัยหนึ่งก็คือ แม้คุณจะผิดพลาดและหกล้ม แต่ถ้ามีมิตรที่ดี เขาก็จะช่วยประคองคุณไปจนถึงจุดหมายได้
ดังนั้นล่าสุด หากใครติดตามการเมืองโลกก็จะเห็นว่า นโยบายของประเทศจีนได้ถูกปรับลดทิศทางการเติบโตของประเทศลงบ้าง อย่างเรื่องจีดีพีที่กล่าวไปแล้วเป็นต้น โดยหันมาใส่ใจกับประชาชนและพื้นฐานทางสังคมต่างๆ มากขึ้น เน้นการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น เพิ่มการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังพยายามสร้างความเป็นเองระหว่างชนชั้นผู้นำกับประชาชนให้มากขึ้น เพื่อลดช่องว่างและฟื้นวิกฤตศรัทธาของคนรากหญ้าที่มักคิดว่าตนเองไม่ได้มีส่วนกับผลประโยชน์ของรัฐนาวาติดเทอร์โบนี้สักเท่าไร ทั้งที่พวกเขาถือได้ว่าเป็นกองหลังสำคัญที่ทำงานผลิตและสร้าง แต่ยังคงใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่ในพื้นที่ห่างไกล
"เรียบง่ายที่สุด ธรรมดาที่สุด" ของผู้นำคนใหม่ของจีน จึงถูกหยิบยกมากล่าวถึงอยู่เสมอ เพราะสะท้อนให้เห็นถึงการพยายามทำตัวเป็นแบบอย่างให้ผู้นำระดับต่าง ๆ ว่าให้ดูแลประชาชนทั่วไปอย่างเสมอภาค และลดขั้นตอนที่ยุ่งยากฟุ่มเฟือยทุกอย่างให้น้อยลง มีนโยบายแม้กระทั่งเรื่องเล็กเรื่องน้อยเกี่ยวกับการจัดงานเลี้ยงและนิสัยการกินเหลือของคนจีนให้มีการประหยัดมากขึ้น ซึ่งถ้าเป็นผู้นำชุดอื่นก็คงไม่เกิดพลังได้เท่านี้ แต่เป็นเพราะไม่ว่าจะเป็น สีจิ้นผิง หรือหลี่เค่อเฉียง ทุกคนต่างเคยใช้แรงงานในชนบทมาก่อนทั้งสิ้น เพราะคนอายุรุ่นพวกเขานี้เป็นผลพวงจากการปฏิวัติวัฒนธรรมที่ต้องถูกส่งไปทำงานกรรมาชีพต่าง ดังนั้น ชาวจีนโดยทั่วไป โดยเฉาะคนระดับฐานของสังคม จึงรู้สึกว่า ผู้นำชุดใหม่นี้มีความเข้าใจพวกเขาอย่างถ่องแท้ ทั้งยังแสดงให้เห็นความจริงใจ ด้วยการลงพื้นที่ไปฉลองตรุษกับชาวบ้านร้านตลาดอย่างเป็นกันเอง การเดินทางก็ไม่มีการปิดถนน เข้าหมู่บ้านแล้วก็ไม่มีการไล่คนไม่เกี่ยวข้องออก เลยยิ่งซื้อใจผู้คนมากขึ้น และเชิดชูว่า "เรียบง่ายที่สุด ธรรมดาที่สุด" ที่ผู้นำเปล่งออกมานั้น สามารถทำได้จริง
จะเห็นได้ว่าภาระการทำงานและนโยบายของผู้นำพรรคฯ ชุดใหม่นี้เน้นไปที่เรื่องน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในประเทศมากกว่าการก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจ เพราะหลังจากที่วิ่งฝุ่นตลบมายาวนานหลายปี ทำให้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องสะสางปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นแต่เนื้อในให้ผ่องแผ้วเสียก่อน เพื่อที่ว่าการทะยานต่อไปข้างหน้าจะได้ไม่มีการสะดุดติดขัด โดยไม่พยายามฝืนวิ่งด้วยความเชื่อมั่นเกินไปเหมือนหลิวเสียง เพราะการนำพาประเทศนั้นไม่ใช่การวิ่งข้ามรั้วระยะสั้น แต่เป็นการวิ่งมาราธอนซึ่งไม่มีเส้นชัยให้เห็น ดังนั้นจึงไม่สามารถพุ่งเป้าสายตาไปที่เส้นทึบสุดท้ายบนลานได้ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ ก้มดูปลายเท้าของตัวเองขณะวิ่ง เพราะถ้าเชือกผูกรองเท้าหลุด จะได้หยุดและผู้ให้แน่น ก่อนที่จะออกวิ่งไปอีกครั้ง ซึ่งสามารถเสริมความมั่นใจให้ได้มากขึ้น
คำถามที่ว่า "หนี่ ซิง ฝู่ มา?" ที่เกิดขึ้นในรายการโทรทัศน์ของซีซีทีวีนั้นกระแทกใจประชาชนคนจีนอย่างมาก เพราะในรายการวันนั้นได้เข้าไปสำรวจสอบถามผู้คนต่างๆ นานา ซึ่งบางคำตอบก็ฟังแล้วเจ็บปวดอย่างยากจะบรรยาย ขณะที่บางคำตอบก็เรียบง่ายสุดแสนสามัญ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม "คำถาม" นี้ได้เกิดขึ้นในใจของทุกคน โดยเฉพาะคนอีกหลายร้อยล้านที่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ ถามและตอบกับตัวเองว่ามีความสุขไหม และความสุขของตัวเองคืออะไร
เชื่อไหมว่า เรื่องนี้ตอบยากจริงๆ
เชื่อว่านโยบายที่ถูกต้องและการเมืองที่สงบนิ่งไร้รอยต่อของจีน ย่อมจะสามารถนำ "คำตอบ" มาสู่ประชาชนได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ซึ่งน่าจะเห็นได้จากแถลงการณ์ของผู้นำชุดใหม่ในวันที่ 5 มีนาคมนี้ ว่าจะมีแนวทางเช่นไร มีเป้าหมายและมาตรการอะไรบ้างที่เป็นเครื่องมือนำความสุขมาให้คนจีน
พัลลภ สามสี