จีนปริทรรศน์ กำแพงเมืองจีน...กี่ครั้งก็ยังไม่พอ
  2013-02-25 14:03:23  cri

กี่ครั้งก็ยังไม่พอจริงๆ สำหรับการได้ไปเยือนกำแพงเมืองจีน เพราะแต่ละแห่งที่เปิดให้เข้าชมนั้น ล้วนมีเอกลักษณ์และภูมิประเทศที่ต่างกันอย่างยิ่ง อีกทั้งในแต่ละฤดูก็มีความงดงามและเสน่ห์ที่ต่างกันออกไปอย่างที่สุด ทำให้เกิดมนต์ขลังดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วเดินทางมาเยือน "กำแพง" เมืองจีน 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนี้ไม่สร่างซาตลอดทั้งปี

ล่าสุดได้มีโอกาสไปกำแพงเมืองจีนส่วนที่ชื่อว่า "มู่เถียนยู่" ซึ่งตั้งอยู่ในเขต "หวยโหรว" ของกรุงปักกิ่ง ห่างจากใจกลางเมืองไปทางเหนือประมาณ 70 กิโลเมตร การเดินทางไปยังที่นี่มีเพียงหนทางเดียวคือ "เหมารถ" เพราะเท่าที่ทราบไม่มีรถเมล์ไปถึง เท่าที่เห็นมีแต่คนที่ขับรถส่วนตัวไป หรือไม่ก็ไปกับไกด์หรือแท็กซี่ผีทั้งหลายที่ยืนออรอรับอยู่ที่หน้าทางเข้า

สำหรับคณะของเราเหมารถจากในเมืองไทย เพราะมาด้วยกันถึง 10 คน ค่าเช่ารถต่อวันตั้งแต่ 08.00 – 18.00 ราคาเพียง 1,000 หยวน(5,000 บาท) ตามแต่เราจะสั่งให้ไปไหนก็ได้ คิดสรตะง่ายๆ ก็ตกคนละ 500 บาทต่อวัน ก็นับได้ว่าคุ้มแสนคุ้ม

และคนขับรถคนนี้ก็ดูเหมือนจะรับคณะนักท่องเที่ยวเป็นปะจำ เพราะเลือกเส้นทางที่จะไปยังจุดหมายปลายทางของเราได้อย่างดี คือไม่ได้ขึ้นทางด่วนลัดไปเลยทีเดียว แต่กลับพาวิ่งไปตามเส้นทางสู่ภูเขาปกติ ดังนั้นจึงผ่านหมู่บ้าน ทุ่งนา หนองน้ำ(ที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง) สวนผลไม้ ร้านอาหารชาวบ้าน สถานตากอากาศที่ตั้งอยู่ตามลำธารที่น้ำแข็งกำลังละลาย

ที่ประทับใจยิ่งคือผ่านถนนที่ชื่อ "เป่ยเทียน" ซึ่งแปลว่า "ท้องฟ้าทิศเหนือ" หรือถนนที่มุ่งไปทิศเหนือนั่นเอง สองข้างทางโอบล้อมด้วยต้นไม้สูงใหญ่ แผ่ร่วมเงาครึ้มไปตลอดทาง โดยมีลำธารหรือคลองขุดเลียบเลาะเคียงกันไปตลอดจนถึงตีนเขา เมื่อทางชันขึ้นถนนสวยๆ เส้นนี้จึงหายไป กลายเป็นเป็นทางวนวกขึ้นไปที่ทางขึ้นกำแพงเมืองจีน

การขึ้นกำแพงเมืองจีน ณ จุดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทั้งหลาย ล้วนมีทางเลือกให้ 2 ทางเป็นอย่างน้อยเสมอสำหรับผู้ที่ต้องการมาเที่ยวชม

อย่างแรกเลยก็คือ "การเดินขึ้น" ซึ่งมีเส้นทางที่ถูกสร้างเป็นขึ้นบันไดอย่างดีทอดยาวเรื่อยไปจนถึงส่วนบนของกำแพง ทางเลือกนี้จึงเสียเพียงค่าผ่านประตู 45 หยวน

อย่างที่สองก็คือ "การนั่งกระเช้าไฟฟ้า" ซึ่งต้องเสียค่าบริการเพิ่มอีก 80 หยวน(ไป-กลับ)

แต่สำหรับ "มู่เถียนยู่" มีทางเลือกเพิ่มอีกคือ "กระเช้าไฟฟ้าแบบนั่งขาลอยเหมือนที่สกีรีสอร์ทต่างๆ ใช้กัน" อันนี้เป็นทางเลือกที่คงมีเอกชนมาประมูลเพิ่มเติม ไม่ให้ซ้ำแบบกับที่ทางการให้บริการอยู่

ดังนั้นการเลือกเดินทางมาชมกำแพงเมืองจีนที่นี่จึงมีสีสันมากกว่าอย่างยิ่ง ซึ่งตามจริงแล้วในอดีตนั้น การเที่ยวชมกำแพงเมืองจีนที่ "มู่เถียนยู่" นี้ จะนิยมจ้างไกด์ชาวบ้านให้พาขึ้นไป ซึ่งอาจจะจ่ายเป็นค่าแรง หรือไม่ก็แลกกับการซื้อโปสการ์ดจากพวกเขา ตกเย็นมาก็มานอนพักที่บ้านแบบโฮมสเตย์ และรับประทานอาหารท้องถิ่นขนานแม้ และหน้าหนาวยังจะได้นอนเตียงหินแบบสุมไฟไว้ด้านล่างเพื่อสร้างไออุ่นด้วย เพราะการเดินทางสมัยก่อนไม่ค่อยสะดวก แม้ไม่ต้องเสียค่าเข้ากำแพง แต่ก็ต้องเสียค่าเดินทางมาไกล จะกลับในวันเดียวก็ไม่ได้ แต่ข้อดีก็คือได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านร้านตลาดอย่างลึกซึ้ง ซึ่งปัจจุบันไม่มีบริการเช่นนี้อีกแล้ว ชาวบ้านที่เคยทำหน้าที่นี้ส่วนใหญ่ต้องผันตัวมาเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายของที่ระลึก และขายอาหารต่างๆ อยู่ตามถนนด้านหน้าทางขึ้นไปตีนกำแพง ซึ่งทางการคงให้สิทธิพิเศษ เพื่อสร้างอาชีพทดแทนให้พวกเขา หลังจากที่เข้ามาพัฒนาเส้นทางขึ้นกำแพงและเก็บค่าเข้า

กำแพงเมืองจีน "มู่เถียนยู่" ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่าง "เจียนโข่ว" ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก และ "เหลียนหัวซื่อ" ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก กำแพงเมืองส่วนนี้เคยทำหน้าที่ปกป้องอริราษฎร์ศัตรูอย่างหนักหน่วงมาแล้วในประวัติศาสตร์จีน ทั้งยังเก่าแก่กว่า "ปาต๋าหลิ่ง" กำแพงเมืองจีนส่วนที่มีชื่อเสียงที่สุด ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกัน เพราะสะดวกในการเดินทาง

เอกลักษณ์ของ "มู่เถียนยู่" ที่ไม่เหมือนใครเลยก็คือ กำแพงส่วนนี้สร้างขึ้นจากหินแกรนิตอย่างดี จึงทนทานต่อกาลเวลา ตลอดความยาวกว่า 2,250 เมตร และป้อมจำนวน 22 ป้อมนี้ เป็นหินแท้และการก่อสร้างที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ได้มีการซ่อมแซมใหญ่ให้สวยงามอย่างปาต๋าหลิ่ง หากแต่งดงามและถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดีเช่นที่เมื่อแรกสร้างในสมัยราชวงศ์หมิงนู่นเลยทีเดียว

นอกจากนี้ฐานของกำแพงเมืองจีนมู่เถียนยู่ ยังมีความกว้างมากถึง 7-8.5 เมตร ส่วนทางเดินด้านบนกำแพงก็กว้างถึง 4-5 เมตร ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวางและถูกอนุรักษ์อย่างดี สัญลักษณ์ของประเทศจีนแห่งนี้จึงมีกิจกรรมต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ "การวิ่งมาราธอนบนกำแพงเมืองจีน" ซึ่งจัดขึ้นทุกปี และมีนักกีฬาผู้รักความท้าทายมาเข้าร่วมแข่งขันจากทั่วโลก

อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า กำแพงเมืองจีนซึ่งเป็นจุดผ่านแต่ละจุดล้วนมีทิวทัศน์และเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร "มู่เถียนยู่" เองก็เช่นกัน นอกจากเอกลักษณ์ด้านวัสดุการก่อสร้างแล้ว ภูมิศาสตร์ที่แตกต่างก็ให้บรรยากาศที่พิเศษสุดยอดเช่นกัน เพราะเมื่อขึ้นไปยืนอยู่บนยอดกำแพงแล้ว เมื่อมองลงมาทางฝั่งตะวันตก หรือตรงต้นทางขึ้นกระเช้าไฟฟ้ามานั้น จะเห็นเวิ้งแอ่งกระทะขนาดใหญ่อันเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน หมู่หลังคาจะเรียงสลับซับซ้อนกันไปตามความสูงของพื้นที่ลาดเนินภูเขา ในยามหนาวเช่นนี้หลังคาสีดำกระด่างจะถูกปกคลุมด้วยมวลหิมะสีขาวสะอ้าน แม้จะให้อารมณ์หดหู่ เพราะมองไปทางไหนก็จะเห็นเพียงแค่สีขาว เทา และดำ แถมยังประดับด้วยสายของควันไฟที่โรยตัวออกมาจากปล่องตามหลังคาบ้านที่กำลังประกอบอาหาร หรือเผาถ่านหินเพื่อบรรเทาความหนาว แต่ในอีกอารณ์หนึ่งก็รู้สึกได้ถึงคามโรแมนติกงดงามของเมืองโบราณที่เงียบสงบ ที่ดูเหมือนกาลเวลาหลายพันปี และความศิวิไลซ์ของโลกาภิวัติไม่อาจทำร้ายภาพงดงามเบื้องหน้านี้ได้เลย

ขณะที่เมืองเหม่อมองไปยังเทือกเขาสลับซับซ้อนทางด้านตะวันออก ก็จะรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ เห็นถึงความกระจ้อยร่อยของตัวเอง ความเวิ้งว้างเบื้องหน้าและสายลมบนระดับที่ยกปีกนกให้ถลาบินได้ ต่างทำหน้าที่เบิกใจให้เบ่งบาน สัมผัสได้ถึงความสดชื่นของธรรมชาติอย่างแท้จริง

และเมื่อไล่คลองสายตาไปตามสันกำแพงเมืองจีนและป้อมต่างๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่บนนั้น ก็ยิ่งทึ่งถึงความอดทน ความเสียสละ ความสามารถ และความยิ่งใหญ่ของกำแพงเมืองจีน

ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสขึ้นมาสัมผัส ทุกครั้งความคิด ความรู้สึกเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนก็จะมีรูปร่างไปเสมอ ทำให้รู้สึกได้เลยว่า "ครั้งเดียวไม่เคยพอ"

พัลลภ สามสี

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040