ฤดูแห่งการผลิบาน
  2013-04-01 16:47:03  cri

คนจีนนั้นให้ค่ากับค่านิยมเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษเสมอ วัยรุ่นอาจทนทำตามพ่อแม่ในตอนนี้ แต่พอพวกเขาแก่เฒ่าเข้าเองแล้ว ก็ทำตามประเพณีไม่ขาดตกบกพร่องราวกับจารีตเหล่านี้แทรกซึมอยู่ในสายเลือด มากกว่าการที่ต้องทำซ้ำอยู่เรื่อยๆ จนเก่งเหมือนทักษะชีวิตอย่างอื่น

ในหนึ่งปีนั้น ชาวจีนแบ่งออกเป็น 24 ฤดูกาล ตามการโคจรของดวงอาทิตย์รอบโลก ซึ่งอัจฉริยภาพด้านดาราศาสตร์ของชาวจีนนี้แม่นยำเหลือเกิน คิดเอาว่าปฏิทินสุริยคติของฝรั่งที่หลายประเทศยึดถือตามอยู่ในปัจจุบันยังขาดๆ เกินๆ คำนวนแล้วปีหนึ่งเวลาหลุดหายไปในอากาศหลายนาทีทีเดียว ทั้งที่ยัดเยียดให้บางเดือนมี 31 วัน บางเดือนมี 30 วัน และเดือนกุมภาพันธ์บางปีมี 28 วัน บางปี 29 วัน แล้วก็ตาม แต่การนับในแบบจันทรคติของจีนนั้นละเอียดละออและแทบไม่ตกหล่นหายไปในหลุมอากาศแต่อย่างใด ซึ่งทำให้ชาวไรชาวแต่ก่อนนั้นสามารถกำหนดการเพาะปลูกของตนเองได้อย่างแม่นยำ อันเป็นต้นกำเนิดประเพณีต่างๆ ตามมาในภายหลัง เพราะแต่ละกิจกรรมนั้นล้วนสอดคล้องกับช่วงเลาว่างและไม่ว่างของเกษตรกร ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวจีนในครั้งบรรพกาล

24 ฤดูกาลดังกล่าวมีคำอธิบายอยู่ในเว็บไซต์ของสถาบันขงจื่อดังนี้ว่า

"ชาวจีนเรียกการโคจรรอบดวงอาทิตย์ว่า "หวงจิง" ซึ่งมีทั้งหมด 360 องศา แล้วกำหนดแบ่งวงโคจรนี้ออกทุก 15 องศา ซึ่งเท่ากับ 1 ฤดูกาล ดังนั้น 1 ปี จึงมีทั้งหมด 24 ฤดู โดยแต่ละเดือนนั้นจะมี 2 ฤดูด้วยกัน เรียกว่าเป็น "ฤดูต้น – เจี๋ยชี" กับ "ฤดูกลาง – จงเจี๋ย" โดยฤดูต้นของเดือนไล่จากเดือนอ้ายไปจนถึงเดือนสิบสอง ได้แก่ ลี่ชุน จิงเจ๋อ ชิงหมิง ลี่เซี่ย หมังจ้ง เสี่ยวซู่ ลี่ชิว ไป๋ลู่ หันลู่ ลี่ตง ต้าเสว่ และเสี่ยวหัน ส่วนฤดูกลางไล่จากเดือนอ้ายไปจนเดือนสุดท้ายเช่นกัน ได้แก่ หยี่ส่วย ชุนเฟิน กู่หยู่ เสี่ยวหม่าน เซี่ยจื้อ ต้าซู่ ฉู้ซู่ ชิวเฟิน ชวงเจี้ยง เสียวเสว่ ตงจื้อ และต้าหัน โดยปัจจุบันนั้นคำเรียกฤดูต้นและฤดูกลางได้หลอมเรียกเป็นชื่อเดียวกันว่า "เจี๋ยชี" เท่านั้น"

"ซึ่งตามปฏิทินสากลแล้ว การเริ่มทุกช่วงฤดูกาลต้นและฤดูกาลกลางของครึ่งปีแรกจะตกในวันที่ 6 และ 21 ส่วนครึ่งปีหลังคือ วันที่ 8 และ 23"

ฤดูกาลที่ชัดเจนนี้ได้สอดคล้องไปกับวิถีชีวิตและประเพณีดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ดังนั้นจึงเกิดสุภาษิตต่างๆ ตามมา เพื่อเป็นคำเตือนที่สามารถจดจำได้ง่าย ในฤดูกาลที่คนนิยมฉลองกันมากมีตัวอย่างประโยคว่า "ตงจื้อกินเกี๊ยว เซี่ยจื้อกินบะหมี่" เป็นต้น

สำหรับเช้าวันจันทร์ของต้นเดือนเมษายนเช่นนี้ ก็ใกล้วัน "ชิงหมิง" หรือ "เช็งเม้ง" เข้ามาทุกที ซึ่งทางการจีนกำหนดให้เป็นวัดหยุดประจำปี ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จีนต่างกับไทยและนับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าวันหยุดจีนนั้นสอดคล้องกับวัฒนธรรมพื้นฐานของชาวจีนที่มีมาแต่โบราณ ที่เกี่ยวพันกับวันสำคัญใหม่ๆ ก็มีเพียงวันแรงงานและวันชาติเท่านั้น ซึ่งไม่กระทบกับศาสนาใดๆ ไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม เต๋า ทุกผู้ทุกคนก็กำลังทยอยกันกลับบ้านอีกรอบหนึ่ง เพื่อไปพบปะพี่น้องพร้อมหน้าทั้งครอบครัว

สำหรับชาวปักกิ่งนั้น ก็จะมุ่งหน้ามาที่ "ปาเป่าซาน" ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลสถานีวิทยุนานาชาตซีอาร์ไอ เพราะเป็นสุสานใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองหลวง ทำให้ช่วงนี้การจราจรคับคั่งเป็นพิเศษ ดอกไม้ขายดี ร้านขายพวงหรีดยิ้มกริ่ม ตำรวจทำงานหนักขึ้น คนเฝ้าสุสานก็มีรายได้มากขึ้น ทั้งจากการรับจ้างทำความสะอาด และการรับสะสางสุสานที่หมดสัญญาเช่า ซึ่งคาดว่าปีนี้ราคาจะพุ่งสูงลิ่ว พอๆ กับราคาอสังหาริมทรัพย์ของคนเป็น

เมื่อกราบไหว้บูชากันเสร็จแล้วก็มักจะพากันต่อรถไปยัง "ยู่หยวนถาน" หรือไม่ก็ "เซียงซาน" ซึ่งตอนนี้อุดมไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์เบ่งบานรับฤดูกาลใหม่อย่างพร้อมเพรียง แต่ที่ "ยู่หยวนถาน" อันเคยเป็นอุทยานของจักพรรดิเฉียนหลงแห่งนี้ดูเหมือนจะได้รับความนิยมสูงสุด เพราะดกดื่นไปด้วยดงต้นซากุระหลายสายพันธุ์จากญี่ปุ่น ดอกบ๊วยสีสวย ดอกท้อ ดอกเหมย และดอกยู่หลันของจีน เป็นการใช้วันหยุดกับครอบครัวที่แสนวิเศษ

รอยยิ้มที่ผลิบานในหมู่สมาชิกครอบครัวเช่นนี้ ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่มาพร้อมกับฤดูกาลที่สดใส

พัลลภ สามสี


1 2
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040