ค่ำวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายอู เต็งเส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์เสร็จสิ้นการเยือนสหรัฐและกลับกรุงย่างกุ้ง สื่อมวลชนท้องถิ่นและนักวิเคราะห์ของเมียนมาร์เห็นว่า การเยือนสหรัฐของนายอู เต็งเส่งครั้งนี้ประสบผลสำเร็จอย่างแข็งขันเกินกว่าที่คาดคิด ความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมาร์กับสหรัฐได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น และสร้างเงื่อนไขที่ดีต่อการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้คืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง
การเยือนสหรัฐของนายอู เต็งเส่งครั้งนี้เป็นการเยือนสหรัฐครั้งแรกของประธานาธิบดีเมียนมาร์ในช่วง 47 ปี ซึ่งมีความหมายสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่อยู่สภาวะไม่เป็นปกติเป็นเวลายาวนาน โฆษกประธานาธิบดีเมียนมาร์กล่าวว่า วัตถุประสงค์สำคัญของการเยือนสหรัฐครั้งนี้คือ รักษาแนวโน้มของการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศต่อไป และสอง แนะนำสภาพที่เกี่ยวข้องให้สหรัฐรับทราบ และพยายามให้สหรัฐยกเลิกการคว่ำบาตรเมียนมาร์ลงโดยเร็วที่สุด
ระหว่างการเยือน นายอู เต็งเส่งได้พบปะกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา และผู้นำรัฐสภาสหรัฐตามลำดับ และกล่าวปาฐกถา 3 ครั้งที่สถานทูตเมียนมาร์ประจำสหรัฐ สถาบันศึกษาวิจัยระดับสูงว่าด้วยปัญหาระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพคินส์ และหอการค้าสหรัฐ นอกจากนี้ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่เกี่ยวข้องของสหรัฐด้วย
รายงานข่าวระบุว่า ระหว่างการเจรจา ประธานาธิบดีสองประเทศต่างแสดงความเห็นชอบ และปรารถนาในการพัฒนามิตรสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศต่อไป โดยผู้นำเมียนมาร์ว่า จะผลักดันการปฏิรูปทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการปรองดองชาติและจัดการเจรจาอย่างสันติกับกองกำลังของชนเผ่า เป็นต้น ฝ่ายสหรัฐว่า จะสนับสนุนเมียนมาร์ดำเนินการปฏิรูปต่อไป และยินดีให้ความช่วยเหลือเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยในเมียนมาร์ให้ประสบผลสำเร็จรวมถึงการพัฒนาของประเทศด้วย
นอกจากนั้น การเยือนสหรัฐของนายอู เต็งเส่งครั้งนี้ก็ประสบผลสำเร็จในด้านเศรษฐกิจและการลงทุน เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้แทนสองประเทศยังลงนามข้อตกลงว่าด้วยกรอบการค้าและการลงทุน ซึ่งจะสร้างโอกาสให้รัฐบาลทั้งสองประเทศดำเนินการเจรจาและความร่วมมือที่ต่อเนื่องกันด้านการค้าและการลงทุนมากขึ้น
สื่อมวลชนสำคัญของเมียนมาร์ลงพิมพ์บทความว่า การที่นายอู เต็งเส่งเยือนสหรัฐครั้งนี้เป็นการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งจะผลักดันให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพัฒนาก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง การคว่ำบาตรเมียนมาร์ของสหรัฐอาจจะได้รับการยกเลิก แม้ว่า สหรัฐกับเมียนมาร์มีความต้องการที่ต่างกัน แต่การปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ดีขึ้นกลับเป็นความต้องการในปัจจุบันและทางยุทธ์ศาสตร์ของสองประเทศดังกล่าว
Yim/Lj