เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมนี้ การประชุมผู้นำองค์การเอเปคครั้งที่ 21 จัดการประชุมระยะแรกที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ผู้นำของประเทศต่างๆและผู้แทนจากวงการอุตสาหกรรมและพาณิชย์ที่เข้าร่วมการประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและจัดการประชุมเป็นการภายในครั้งแรก รวมทั้งจะมีการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนแบบทวิภาคีและพหุภาคีหลายครั้ง ประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่งทั้งในและนอกการประชุมคือ ภายใต้สถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง ทำอย่างไรจึงจะรักษาฐานะหัวรถจักรของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในเศรษฐกิจโลก

นายซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซียกล่าวในที่ประชุมว่า การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ขาพเจ้าเห็นว่า ต้องพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันอย่างระมัดระวัง มิฉะนั้น พลังขับเคลื่อนฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบ และจะส่งผลกระทบต่อองค์เศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาและพัฒนาขึ้นมาใหม่นั้นมากยิ่งขึ้น ความพยายามขององค์เศรษฐกิจเหล่านั้น จะประสบอุปสรรคในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาและรักษาอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่อง

ปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นภูมิภาคที่มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจเร็วที่สุดและมีพลังชีวิตมากที่สุดของโลก องค์การกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดว่า ปีนี้กับปีหน้า อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเร็วกว่าภูมิภาคอื่นของโลก แต่ทั้งนี้ไม่สามารถต่อต้านกับแรงกดดันจากอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลง จริงๆ แล้ว สำหรับแรงกดดันดังกล่าว องค์เศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาของแอเปคมีความรู้สึกอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ การต่อต้านลัทธิกีดกันทางการค้าเป็นความรับรู้ร่วมกัน ระหว่างการจัดการประชุมผู้นำเอเปค ยังจะจัดการประชุมสุดยอดของผู้นำวงการอุตสาหกรรมและพาณิชย์เอเปคด้วย ผู้นำประเทศ 12 คน เช่น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และรัฐมนตรีต่างประเทศจอห์น เคอร์รีที่เป็นตัวแทนของประธานาธิบดีโอบามา เป็นต้น จะขึ้นเวลากล่าวปาฐกถาในการประชุมสุดยอดฯ ด้วย

วันที่ 8 ตุลาคมนี้ บรรดาผู้นำประเทศจะจัดการประชุมเป็นการภายในระยะที่สอง บุคคลภายนอกต่างรอคอยผลงานการประชุมที่เป็นลายลักษณ์อักษร และการได้รับผลคืบหน้าในความร่วมมือด้านต่างๆ ซึ่งประธานาธิบดีซูซีโล เจ้าภาพจัดการประชุมมองในแง่ดีต่อเรื่องนี้

(Yim/Ping)