อาจารย์เป็นหนึ่งในนักวิชาการไทยที่เกาะติดเรื่องจีนเป็นพิเศษ ประเทศที่อาจารย์เดินทางมาเกือบร้อยครั้งคือประเทศจีน ทั้งเพื่อมาทำวิจัย ประชุม ทัศนศึกษา บรรยาย และอื่น ๆ ได้ตระเวนพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลของจีนทุกมณทล เขตปกครองตนเอง เขตบริหารพิเศษ มีผลงานที่เกี่ยวกับจีนมากมายทั้งงานวิจัย หนังสือ บทความเผยแพร่ทางสื่อมวลชนทั้งในไทย จีน และประเทศอื่น ๆ วันที่ 6 มีนาคม 2557 ในสโอกาสการประชุมสองสภาจีน อาจารย์กรุณาสะท้อนมุมมองเกี่ยวกับจีนต่อประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
ความคิดเห็นต่อการที่จีนประกาศเดินหน้าปฏิรูปอย่าลึกทุกด้านโดยเริ่มจากปีนี้(2014)เป็นต้นไป
"ถึงเวลาแล้วที่จีนจะต้องปฏิรูปอย่างลึกทุกด้าน เนื่องจากขณะนี้ปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศของจีนก็เปลี่ยนไป จะใช้รูปแบบพัฒนาเศรษฐกิจแบบเดิมคงเป็นไปไม่ได้แล้ว น่ายินดีที่ผู้นำจีนตระหนักเรื่องนี้และประกาศให้ปีมอม้าคึกคักปีนี้ เป็นปีที่จะดำเนินการปฏิรูป"
เศรษฐกิจจีนยังมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย ความเสี่ยงที่ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง
"การปฏิรูปอย่าลึกทุกด้านเป็นเรื่องดีแต่มันไม่ง่าย เพราะมันมีความท้าทายอยู่หลายเรื่องที่เห็นชัด ๆ มีอยู่สองสามเรื่อง เรื่องแรกคือปัญหาหนี้สาธารณะของรัฐบาลท้องถิ่นจีน ระบบเขาจะต่างกับไทย รัฐบาลท้องถิ่นจีนจะหาเงินได้เอง ก็ใช้เงินได้เอง มีอิสระในเชิงการคลัง ขณะนี้มันก็สร้างปัญหาเพราะที่ผ่านมารัฐบาลท้องถิ่นจีนค่อนข้างมือเติบ ใช้เงินเก่ง ตอนนี้หนี้สาธารณะของรัฐบาลท้องถิ่นจีนตัวเลขที่เขารายงานจากการตรวจสอบบัญชีปีที่แล้ว ประมาณ 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพราะฉะนั้น เงินมหึมาขนาดนี้ก็น่าเป็นห่วง ที่สำคัญภายในปี 2558 หรือ 2015 ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของนี้ก้อนนี้ ครบกำหนดต้องชำระ แล้วคราวนี้เอาเงินมาจากไหน ก็เลยค่อนข้างน่าเป็นห่วง ถ้าเรื่องนี้จัดการได้อย่างไม่เหมาะสมมันอาจจะส่งผลต่อระบบการเงินของจีนทั้งหมด เพราะรัฐบาลท้องถิ่นจีนก็กู้จากธนาคารจีนทั้งธนาคารรัฐแล้วก็ธนาคารที่ดิฉันจะโยงไปถึงปัญหาประเด็นที่สอง ที่เรียกว่าปัญหาธนาคารเงา(Shadow Banking)ในจีน ปัญหาแรกคือหนี้สาธารณะรัฐบาลท้องถิ่นจีน กับปัญหาที่สองหรือความเสี่ยงที่สองคือธนาคารเงาในจีนมันโยงกันเกี่ยวข้องกัน เพราะธนาคารเงาในจีนซึ่งเป็นการเงินนอกระบบมันเป็นกลไกอันหนึ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนอยู่ในขณะนี้ คือเงินกู้นอกระบบ ซึ่งที่ผ่านมาเงินกู้นอกระบบเป็นสิ่งที่ใช้ได้ในขณะที่พัฒนาการทางด้านการเงินการธนาคารของจีนยังไม่ก้าวหน้ามากนัก แต่ขณะนี้สัดส่วนของการกู้เงินนอกระบบแชโดว์แบงค์กิ้งมันสูงและไม่ได้อยู่ในระบบตรวจสอบสถาบันการเงินของรัฐ ถ้าไม่บริหารจัดการให้ดีมันก็จะเป็นความเสี่ยงสำหรับเศรษฐกิจจีนในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วนประเด็นที่สามที่ดิฉันมองว่าเป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีนก็คือเรื่องแรงงานอพยพตามมณทล แรงงานจากมณทลตอนในโยกย้ายมาทำงานตามมณทลชายฝั่ง มีความขัดแย้งกันระหว่างลูกจ้างจากมณทลตอนในกับพวกเถ้าแก่มณทลชายฝั่ง มีความขัดแย้งกันพอสมควร ก็มีการเรียกร้องสิทธิ์ในระบบทะเบียนราษฎร์ ที่เรียกว่า ฟูโขว่ ที่ระบุว่าจะต้องได้รับสิทธิ์ในมณทลที่ขึ้นทะเบียนอยู่ ประเด็นแรงงานอพยพก็เป็นความเสี่ยงที่สำคัญไม่เฉพาะเศรษฐกิจ อาจจะเป็นประเด็นทางสังคมและความขัดแย้งทางสังคมต่อไปด้วย คิดว่าสามเรื่องใหญ่นี้ค้อนข้างสำคัญ"
จีนเน้นปฏิรูปเศรษกิจโดยจัดการความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับตลาด ให้ตลาดมีบทบาทสำคัญในการจัดสรรทรัพยากร อาจารย์มองเรื่องนี้อย่างไร
"เป้าหมายที่บอกว่าปีนี้จะเป็นปีปฏิรูปให้รอบด้าน การปฏิรูปอย่างรอบด้านสิ่งสำคัญเลยคือความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับตลาด ถ้าดูตามตำราเศรษฐศาสตร์เรามองกลไกตลาดว่าเป็นมือที่มองไม่เห็น (invisible hand) เศรษฐกิจจีนที่ผ่านมารัฐบาลทำตัวเป็นมือที่มองเห็น(visible hand) ในการชี้นำเศรษฐกิจมา 30 กว่าปี ก็ทำงานมาค่อนข้างเยอะ ได้ผลดีในบริบทจีนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนออกมาเป็นมือที่มองเห็น แต่ วันนี้บทโลกเปลี่ยนไป บริบทจีนเปลี่ยนไป คิดว่าผู้นำจีน รัฐบาลจีนต้องปรับบทบาทแล้ว คือจะต้องปล่อยมือแล้ว ให้กลไกตลาดทำงานมากขึ้น แลัวรัฐบาลเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้กำกับดูแล เป็นregulator คือไม่ออกมาชี้นำหรือไกด์ทิศทางแบบในอดีตแต่ออกมากำกับดูแล คิดว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนควรจะทำต่อไป และถ้าเผื่อทำอย่างนี้ได้ คือปล่อยให้กลไกตลาดทำงานมากขึ้น รัฐบาลจีนปล่อยมือแทรกแซงน้อยลง ดิฉันมองว่าก็จะเป็นพัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของการปฏิรูปอย่างลึก ควรจะกำกับดูแลตลาด แต่อย่าไปนำทางปล่อยให้กลไกตลาดเขาทำงาน อย่างอุปสงค์อุปทานบอกว่าจะต้องผลิตอันนี้ ต้องทำอุตสาหกรรมนี้ ก็ปล่อยให้กลไกตลาดทำงาน แต่รัฐบาลกำกับดูแลดูซิว่ามันเรียบร้อยไหม มันโปร่งใสไหม ไม่ใช่ไปชี้นำว่าต้องพัฒนาอุตสาหกรรมนี้นะ แต่ปล่อยให้ตลาดเลือกเองแล้วว่าจะต้องเดินไปในทิศทางไหน ให้อุปสงค์อุปทานเป็นตัวกำหนดการผลิต แล้วส่งเสริมให้ภาคเอกชนจีนได้มีบทบาทมากขึ้นอย่างเป็นธรรม เป็นการแข่งขันอย่างเป็นธรรม แล้วรัฐบาลคอยดูแล
ฝันของจีน(จุงกั๋วเมิ่ง) ที่จะปฏิรูปอย่างลึกทุกด้านเพื่อให้คนจีนมีความเป็นอยู่มีชีวิตที่ดีงามยิ่งขึ้น ฝันของจีนน่าจะต้องพบกับความท้าทายทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างไรบ้าง
"ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมท่านสี จิ้นผิง ที่ท่านมาจุดประกายให้คนจีนฝัน ดิฉันชอบมาก คำว่าจุงกั๋วเมิ่ง มันดูเซ็กซี่มาก ทำให้คนจีนฝัน แล้วก็เปิดกว้าง ไม่ได้มากำหนดว่าต้องฝัน ก ข ค ง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 แต่เปิดกว้างจริง ๆ ชื่นชมที่ท่านมาจุดประกายความฝัน แต่มันก็ไม่ง่าย โดยเฉพาะขณะนี้จีนไปพัวพันกับเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมาก ตอนนี้จีนไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก เพราะฉะนั้นต้องเผชิญกับประเด็นท้าทายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประเด็นในต่างประเทศ ดิฉันค่อนข้างชื่นชมรัฐบาลจีนว่าจัดการได้ดีไประดับหนึ่ง คือผู้นำจีนรัฐบาลจีนค่อนข้างมีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกลปัญหาจะเกิดอะไร สถานการณ์โลกในอีก 3 ปี 5 ปีจากนี้จะเป็นอย่างไร สิ่งที่เห็นได้ชัดคือผู้นำจีนสามารถเปลี่ยนจากตลาดอิสระแบบของจีนอย่างเรื่องการค้าขายกับสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจประเทศเหล่านั้นเดี้ยงหมดเลย มีปัญหาถ้วนหน้า ไม่โตหรืออะไรก็แล้ว แต่รัฐบาลจีนมีวิสัยทัศน์มองเห็นว่าตลาดนี้จะมีปัญหา เพราะฉะนั้นรัฐบาลจีนก็หันมาคบค้ากับอาเซียน เป็นสิ่งที่วางแผนแล้วตั้งใจทำตั้งแต่ปี 2000 สมัยท่านนายกฯจู หรงจี ที่จีนเบนเข็มมาคบกับอาเซียนมากขึ้นแล้วก็ค่อนข้างประสบผลสำเร็จ ปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของอาเซียนและอาเซียนก็เป็นคู่ค้าอันดับสามของจีน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติหรือว่าปล่อยไปตามชะตากรรม แต่เป็นสิ่งที่ผู้นำจีนเห็น เห็นตั้งแต่กว่า 10 ปีที่แล้ว จึงเบนเข็มมาคบกับอาเซียน แล้วตอนนี้เป็นไง สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่นเดี้ยง จีนไม่ได้คบกับพวกนั้นมาก จีนมาคบกับอาเซียนจีนก็ยังโตต่อไปได้ นี่คือตัวอย่างความสามารถของผู้นำจีนรัฐบาลจีนในการจัดการกับความท้าทายในต่างประเทศ อันนี้ต้องขอชื่นชมที่ผ่านมาทำได้ดีทีเดียว
เรื่องการลงทุนรัฐบาลจีนปรับทิศทางนโยบายจากเดิมที่ดึงต่างชาติทั้งเข้ามาลงทุนในจีน เชิญเข้ามา เชิญเข้ามา ส่งเสริมการลงทุน แต่พอบริบทโลกเปลี่ยนไป จีนปรับมาเป็น โจว่ ฉู่ ชี่ มาเป็นเดินออกไป มาเป็นส่งเสริมคนจีนให้ออกไปลงทุนในต่างประเทศ อย่างตอนนี้ยุโรปเดี้ยงจีนก็สนุกไปช้อปปิ้งไปซื้อของถูกที่ยุโรป ไปซื้อโรงงานถูก ๆ ในยุโรปที่เขากำลังจะล้มละลาย ทุนจีน รัฐวิสาหกิจจีน เอกชนจีนก็ไปซื้อวิสาหกิจเหล่านั้น เป็นต้น ประเด็นนี้ขอชื่นชมในเรื่องของการจัดการในต่างประเทศของรัฐบาลจีน
แต่ที่ดิฉันเป็นห่วงคิดแล้วก็น่าหนักใจแทนรัฐบาลจีนคือความท้าทายในประเทศที่สำคัญแล้วต้องจัดการให้ดี มีปัญหาอะไรบ้าง ที่เห็นชัด ๆ เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคือปัญหาการก่อการร้ายที่สถานีรถไฟคุนหมิง ก่อนหน้านี้ก็มีคาร์บอมที่ปักกิ่ง ปัญหาก่อการร้ายเพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อสอง-สามปีนี้ รัฐบาลจีนต้องจัดการปัญหาละเอียดอ่อนนี้ด้วยศิลปะ และที่สำคัญอีกอันหนึ่งที่ดิฉันคิดว่าต้องจัดการอย่างมีศิลปะเช่นกัน ก็คือตอนนี้ประชากรเน็ตจีนเยอะมาก ห้าร้อย หกร้อยล้านคน แล้วก็ก็สื่อสารโดยใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค ใช้สื่อโดยใช้โซเชียลมีเดีย พวกนี้อาจเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้ ถ้าเผื่อรัฐบาลจีนไม่รับฟังอาจเป็นปัญหาได้เพราะว่าคนในยุคปัจจุบันต้องการที่จะว้อยซ์หรือแสดงออกถึงสิ่งที่เขาคิด สิ่งที่เขาไม่พอใจ ก็ต้องเปิดช่องทางแบบนี้ให้คนจีนยุคใหม่ได้สื่อสารออกมา เพราะว่าถ้ากดไว้อาจเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เกิดความรุนแรงจนยั้งไม่อยู่ก็ได้ ก็เป็นสภาพสังคมของจีนในยุคนี้ ก็ต้องจัดการ
เรื่องสุดท้ายสำคัญมาก ๆ เลยคือเรื่อคอรัปชั่น ต้องจัดการให้ดี ถ้าข้าราชการ นักการเมืองจีน ทำตัวเหมือนกับเป็นอภิสิทธิ์ชนในสังคมสมัยนี้ไม่ได้แล้ว จะมาคอรัปชั่นไม่ได้แล้ว ซึ่งประเด็นนี้เป็นความท้าทายในประเทศ แต่ก็ต้องขอชื่นชมผู้นำจีนอีกเช่นกันโดยเฉพาะรุ่นที่ 5 นี้ที่นำโดยท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็ให้ความสนใจอย่างจริงจังในการจัดการกับปัญหาคอรัปชั่น ก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว"
-------------------------------------------