แล้วควรลดน้ำหนักอย่างไรกันแน่

1. อาหารเช้ากินดีๆ อาหารเที่ยงกินอิ่ม และอาหารเย็นกินน้อยเป็นหลักการที่ต้องปฏิบัติในช่วงลดน้ำหนัก ซึ่งอาหารเย็นกินน้อยเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุด มี 3 ประการที่ต้องระวังคือ ต้องกินอาหารเช้า คนที่ไม่กินอาหารเช้าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นง่าย เพราะในช่วง 10 ชั่วโมงที่ผ่านไปตั้งแต่เมื่อคืน ร่างกายของเราใช้พลังงานอย่างเดียว แต่ไม่ได้กินอาหารเข้าไป ร่างกายจึงต้องการอาหารเช้าเพื่อเสริมพลังงาน คนที่ไม่กินอาหารเช้าจะรู้สึกหิวในตอนเที่ยง และกินอาหารเที่ยงมากไปโดยไม่รู้ตัว พลังงานที่ร่างกายไม่ต้องการจะเปลี่ยนเป็นไขมัน ประการที่ 2 คือ อาหารเที่ยงต้องกินให้อิ่ม เพราะถ้าอาหารเที่ยงกินไม่อิ่มเมื่อถึงตอนเย็นก็จะหิว ทำให้ทานมากเกินควร ประการที่ 3 คือ อาหารเย็นต้องกินน้อย และพยายามหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ ของหวาน และอาหารทอดต่างๆ กินโจ๊ก และแกงจืดต่างๆ ได้ คนที่สามารถลดน้ำหนักจนได้มีเคล็ดลับเดียวกันคือ ไม่กินอะไรหลัง 3 ทุ่ม ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ก็เสนอว่า คนที่อยากได้รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นไม่ควรกินอาหารเย็นที่หรูหรา เพราะร่างกายจะได้พลังงานที่มากเกินความต้องการ และตามนาฬิการ่างกาย หลัง 3 ทุ่ม อวัยวะของผู้คนไม่ได้ทำงานอย่างเต็มพลัง เป็นช่วงเวลาที่สะสมไขมัน แต่อาหารเย็นที่เรากินกันต้องใช้เวลา 5 ชั่วโมงจึงจะย่อยให้หมด แต่ถ้ากินอาหารเย็นค่ำเกินไป ก็จะเกิดการสะสมพลังงานส่วนเกินในร่างกายทำให้เราอ้วนขึ้น ฉะนั้น จำเอาไว้อย่ากินอาหารหลัง 3 ทุ่ม

บางคนบอกว่า หลัง 3 ทุ่มกว่าจะเช้าก็หิวตาย ทำยังไงดีล่ะ ถ้าอย่างนั้น ก็กินแอปเปิ้ลแทน แอปเปิ้ลช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะจะบำรุงระบบย่อยอาหาร แก้ท้องเสีย ท้องอืด และรักษาความดันโลหิตสูง เป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์สูง นอกจากนี้ยังเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ มีวิตามินต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ ช่วยไล่สารพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย ทำให้เลือดใสขึ้น

2. เดินเร็วครึ่งชั่วโมงหลังอาหารเย็น คนที่มีปัญหาน้ำหนักตัวส่วนใหญ่อ้วนที่ท้อง และคนกลุ่มนี้มีลักษณะเดียวกันคือ ถ้าไม่ใช่คนที่ต้องนั่งหน้าโต๊ะทำงานทั้งวันก็เป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย เพราะนั่งหน้าคอม หรือโต๊ะทำงานนานเกินไป ร่างกายไม่ใช้พลังงานมาก พลังงานที่เหลือก็จะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมที่ท้อง

นอกจากนี้ การออกกำลังกายตอนเย็นดีกว่าตอนเช้า เพราะนอนหลับทั้งคืนแล้ว ร่างกายตอนเช้าจะขาดน้ำ เลือดค่อนข้างข้น ถ้ารีบออกกำลังกายจะมีความเสี่ยงว่าสมองขาดเลือด เพราะฉะนั้น ถ้าชอบออกกำลังกายตอนเช้าก็ดื่มน้ำสักสองแก้วก่อนออกกำลังกาย ส่วนการออกกำลังกายตอนเย็นก็เพื่อที่จะใช้พลังงานที่ร่างกายไม่ต้องการ แต่ไม่ควรรีบออกกำลังกายหลังอาหารเย็น เพราะหลังอาหารเย็นเลือดถูกส่งมาที่กระเพาะ และลำไส้ ถ้ารีบออกกำลังกายจะไม่ดีต่อระบบย่อยอาหาร ขอเสนอให้ออกกำลังกายหลังอาหารเย็นครึ่งชั่วโมง และวิธีออกกำลังกายที่ดีที่สุดคือ เดินเร็วๆ และควรเดินเร็วอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงจึงจะลดไขมันในตัวได้

3. กินช้าๆ เวลากินข้าวควรกินช้าๆ ซึ่งจะช่วยให้ย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น และกินได้น้อยลงด้วย เพราะเมื่ออาหารกว่าจะตกถึงท้องต้องใช้เวลาหน่อย สมองจึงจะส่งสัญญาณว่าอิ่มแล้ว ฉะนั้น ถ้ากินเร็วเกินไป ก่อนที่สมองส่งสัญญาณ ก็กินมากเกินควรแล้ว

นอกจากวิธีธรรมดาอย่างที่ว่าไป ยังมีวิธีที่โหดร้าย และเล่ากันว่าได้ผลหลายอย่าง

1. กินผลไม้ลดน้ำหนัก

คือนอกจากผลไม้แล้ว ไม่กินอะไรทั้งนั้น คือกินผลไม้ทั้งวัน กินจนอิ่มท้อง ข้อที่ควรระวังคือ ไม่ใช่ผลไม้ทุกอย่างเหมาะที่จะใช้ลดน้ำหนัก ที่ค่อนข้างได้ผลมีแอปเปิ้ล และองุ่น ส่วนทุเรียน ลิ้นจี่ และลำไยมีปริมาณพลังงานมากไป ไม่ควรกินมากในช่วงลดน้ำหนัก นอกจากนี้ อย่ากินผลไม้เพียงอย่างเดียวในทั้งวัน ถ้าหิวจริงๆ ก็ดื่มนมสักแก้วหนึ่งก็ได้

ข้อดีของวิธีนี้คือลดน้ำหนักได้เร็ว ข้อเสียคือน้ำหนักฟื้ตัวคืนกลับมาเร็ว และกินผลไม้อย่างเดียวเป็นเวลานานจะทำให้ความดันโลหิตต่ำ

2. กินไข่ต้มลดน้ำหนัก

วิธีนี้ไม่รู้ได้ผลจริงหรือเปล่าแต่ฟังไม่น่ากินเท่าไหร่คือกินไข่ต้มวันละ 8-9 ลูกต่อเนื่องกันสองสัปดาห์ กินกับผัก องุ่น หรือเนื้อสัตว์ได้

ขอให้ทุกคนลดน้ำหนักได้ และใส่กระโปรงสวยๆ ในหน้าร้อนที่จะมาถึง แต่ข้อที่ควรระวังคือ อย่าลดน้ำหนักเร็วเกินไปจนทำลายร่างกาย