ไปชมดอกไม้ที่พระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน  (ตอนต้น)
  2014-04-28 10:53:43  cri

กรุงปักกิ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่ไม่ควรพลาดชม ทั้งโบราณสถาน และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แต่พระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน นับว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หากพลาดชมแล้วจะเสียดายมากๆ โดยเฉพาะในฤดูไบไม้ผลินี้ เพราะในพื้นที่แห่งนี้ คุณสามารถได้กลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิ โดยมีฝูงเป็ด หรือนกเป็ดน้ำแหวกว่ายไปมาในทะเลสาบที่น้ำแข็งเพิ่งละลายจากช่วงหน้าหนาว สมกับบทกวีจีนโบราณที่ว่า ฝูงเป็ดรู้การมาถึงของฤดูใบไม้ผลิก่อนใครอื่น นอกจากนั้น คุณสามารถมีโอกาสซาบซึ้งกับมหัศจรรย์ของธรรมชาติจากดอกไม้นานาพันธุ์ที่สวยสดงดงาม ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมเยือนอี๋เหอหยวนมักจะอยู่อันดับต้นๆ ของกรุงปักกิ่ง

อี๋เหอหยวน ตั้งอยู่ในเขตไห่เตี้ยน ซึ่งห่างจากตัวเมืองไปไม่ไกลนัก เมื่อย้อนหลังไปราว 7-800 ปีก่อน ในสมัยราชวงศ์จิน(ค.ศ.1115-1234)และสมัยราชวงศ์หยวน(ค.ศ.1206-1368) บริเวณแห่งนี้เป็นสถานที่พัก ผ่อนหย่อนใจของจักรพรรดิ และพระบรมวงศานุวงศ์ในเวลานั้น ครั้นถึงสมัยราชวงศ์ หมิง ได้มีการสร้างสวนและวัดขึ้นอีก สถานที่แห่งนี้จึงได้กลาย มาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อลือชาด้วยทิวทัศน์สวยงามและเป็น ธรรมชาติ เมื่อปีค.ศ.1749 จักรพรรดิเฉียนหลงทรงมีดำริให้ทำ การขุดลอกคูคลอง และปรับปรุงสิ่งก่อสร้างบริเวณภูเขาและทะเลสาบ ขึ้นตามแนวคิดในการสร้างอุทยานครั้งใหญ่ โดยมีการขุดขยาย ทะเลสาบให้มีพื้นผิวน้ำกว้างขึ้น และเอาดินที่ขุดจากทะเลสาบไปถม เป็นภูเขาตามแผนผังของอุทยาน จากนั้น พระองศ์พระราชทานชื่อให้ ทะเลสาบแห่งนี้ว่า"ทะเลสาบคุนหมิง" และพระราชทานชื่อให้ภูเขาลูกนี้ว่า "วั่นโซ่วซัน"แปลว่า"ภูเขาหมื่นปี" เพื่อเทิดพระเกียรติ แด่พระมารดาของพระองค์ เนื่องในวโรกาสมีพระชนมพรรษาครบรอบ 60 พรรษา ด้วยการก่อสร้างที่เป็นเวลา 10 ปี จึงได้สร้างพระราชอุทยานขนาดใหญ่ที่เรืองนามไปทั่วโลกโดยมีชื่อว่า "ชิงยีหยวน" แต่ "ชิงยีหยวน" ถูกทหารพันธมิตรต่างประเทศที่รุกรานจีนเผาทำลาย ถึงสองครั้งเมื่อ ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 พระนางซูสีไทเฮา จึงได้นำงบ ประมาณ สำหรับสร้างกองทัพเรือมาทำการซ่อมแซม และเปลี่ยนชื่อ สถานที่แห่ง นี้มาเป็น"อี๋เหอหยวน" หลังจากนั้น ได้กลายเป็น "พระราชวังฤดูร้อน" และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของพระนางซูสีไทเฮา ต่อมา "พระอุทยาน" แห่งนี้ได้ปิดฉากลงตามการล่มสลาย ของราชวงศ์ชิง และได้ รับการประกาศเป็นสวนสาธารณะในปีค.ศ.1924 โดยอนุญาตให้ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปเที่ยวชมได้อย่างสบายๆ

พื้นที่ของอุทยานอี๋เหอหยวนมีประมาณ 290 เฮกต้าร์ โดยแบ่งเป็นสามเขต คือ "เขตการเมือง" "เขตที่อยู่อาศัย" และ "เขตท่องเที่ยว" โดยพื้นที่ 3 ใน 4 เป็นทะเลสาบคุนหมิง ภายในอุทยานอี๋เหอหยวนมีตำหนัก ศาลา ซุ้ม เก๋งจีน และหอต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์มากกว่า 3,000 หลัง ทุกแห่งแหล่งที่ภายในสวนล้วนมีการปลูกพันธุ์พืชต่างๆ กระจัดกระจาย ตามการออกแบบอย่างมีความตั้งใจ อย่างเช่น มีการปลูกบัว ต้นหลิว และต้นอ้อ ในทะเลสาบมุมหนึ่ง โดยมีฝูงนกน้ำเล่นอยู่ในบริเวณนั้น และมีการปลูกต้นหม่อนตามทำนบทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งสะท้อนให้เห็นทัศนียภาพทางตอนใต้แม่น้ำแยงซี หรือ เจียงหนาน บริเวณสิ่งปลูกสร้างมีการปลูกต้นไผ่ และไม้ดอกไม้ประดับชนิดต่างๆ แต่ทัศนียภาพในแต่ละมุมต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำกัน พยายามให้มีสีเขียวทั้ง 4 ฤดูกาล แต่ก็เน้นให้มีสีสันต่างกันในทั้ง 4 ฤดู โดยมีการปลูกต้นสน และต้นไป๋เป็นสำคัญ เพื่อให้สีเขียวเป็นสีพื้นในสวน เพราะต้นสนกับต้นไป๋มีความเขียวขจีทั้งปี หน้าหนาวก็ไม่เหี่ยว จึงมีความหมายว่า "ยั่งยืน" และ "อายุยืนนาน" ตามความเข้าใจของชาวจีน นอกจากนั้น ยังมีการปลูกดอกยวี่หลัน ดอกไห่ถั่ง ดอกโบตั๋น ดอกกุ้ยฮวา ดอกท้อ ดอกเหมย และดอกสาลี่ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง ดอกยวี่หลัน ไห่ถัง โบตั๋นและกุ้ยฮวาก็ถือเป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งสิริมงคลและความกลมกลืน มักจะนำไปปลูกในพระราชวังและพระราชอุทยาน ดอกไม้สารพัดอย่างที่บานสะพรั่งเสมือนหนึ่งทะเลดอกไม้ ประกอบกับกำแพงสีแดง หลังคากระเบื้องสีเหลือง ภาพเขียนหลากสีสัน และต้นสนต้นไป๋ที่เป็นสีเขียว เหมือนภาพเขียนจีนที่ดึงดูดในฝูงคน

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040