อาคารบ้านเรือนโบราณของแต่ละพื้นที่เป็นสิ่งล้ำค่าที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงศิลปะวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของพื้นที่นั้นๆได้ จากผลสำรวจในช่วงที่ผ่านมาปรากฏว่า ปัจจุบัน หลายพื้นที่ในจีนยังคงมีบ้านโบราณเป็นจำนวนมาก บ้านโบราณเหล่านี้ล้วนเป็น สิ่งปลูกสร้างดั้งเดิมที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสังคมได้พัฒนาก้าวหน้า ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่มีจังหวะเร่งรีบ และต้องการอุปกรณ์ที่ทันสมัยชนิดต่างๆ ทั้งนี้ทำให้บ้านโบราณบางส่วนถูกดัดแปลงจนโครงสร้างและ สภาพเดิมสูญหายไป ขณะที่บ้านโบราณอีกส่วนหนึ่งถูกใช้ประโยชน์ทางการค้ามากเกินไป ทั้งนี้ทำให้บ้านโบราณเสี่ยงต่อการถูกทำลาย กระทั่งถูกรื้อถอน ด้วยสาเหตุเหล่านี้ การอนุรักษ์บ้านโบราณ และหมู่บ้านโบราณจึงกลายเป็นประเด็นที่ทั้งสังคมสนใจอย่างมาก

หมู่บ้านกวนตี้เสียอยู่ห่างจากใจกลางกรุงปักกิ่งประมาณ 90 กิโลเมตร รายล้อมด้วยภูเขาที่เขียวขจี และธารน้ำที่ใสสะอาด หมู่บ้านแห่งนี้ มีประวัติกว่า 500 ปี อาคารบ้านเรือนในหมู่บ้านแห่งนี้มีกว่า 70 หลัง ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง ช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา ชาวบ้านของหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข กล่าวได้ว่า แทบไม่มีสิ่งใดจากภายนอกเข้ามารบกวนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ แต่ปัจจุบัน ความสงบของหมู่บ้านแห่งนี้แทบไม่มีเหลือ เพราะหมู่บ้านแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไปแล้ว แต่ละวัน มีนักท่องเที่ยวทั้งจีนและต่างประเทศจำนวนมากเดินทางเข้ามาเที่ยวชม นักท่องเที่ยวบางส่วนยังค้างคืนที่หมู่บ้านด้วย

นายหัน โบ ผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่า เนื่องจากหมู่บ้านนี้มีสิ่งปลูกสร้างสมัยราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิงกว่า 70 หลัง หลายปีมานี้ จึงได้กลายเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ภาพยนตร์หลายเรื่องที่มีชื่อเสียง เช่น "ขุนศึก" และ "ความฝันอเมริกาในจีน" ก็ถ่ายทำที่หมู่บ้านแห่งนี้ หลังภาพยนตร์สองเรื่องนี้ฉาย หมู่บ้านกวนตี้เซียงเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว คนจำนวนมากชื่นชมหมู่บ้านแห่งนี้ที่อนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างโบราณไว้ด้วยดี และอยากเห็นสภาพจริงของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้กับตา ด้วยเหตุนี้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมหมู่บ้านจึงเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้หมู่บ้านนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

การพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้สร้างปัญหาหลายอย่างให้กับหมู่บ้านนี้ด้วย

ก่อนมีการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยว ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านมีประชากรเพียงหลักสิบเท่านั้น แต่หลังธุรกิจท่องเที่ยวเจริญเติบโตขึ้น ชาวบ้านที่ไปทำงานในเมืองพากันกลับ เพราะทำธุรกิจการท่องเที่ยวมีรายได้มากกว่า ทั้งนี้ทำให้ประชากรของหมู่บ้านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ ชาวบ้านและแรงงานรับจ้างที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านรวมแล้วหลายร้อยคน จึงทำให้สภาพแวดล้อมของหมู่บ้านค่อนข้างแออัด

สถิติล่าสุด ช่วงไฮซีซัน หมู่บ้านนี้ต้องรองรับนักท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ซึ่งเกินกว่าขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวของหมู่บ้านแห่งนี้ ปัญหาต่างๆ จึงเกิดขึ้น เช่น มีที่จอดรถไม่เพียงพอ สภาพแวดล้อมถูกทำลาย บริการนักท่องเที่ยวได้ไม่ดีพอ นอกจากนี้ เจ้าของบ้านโบราณบางส่วนได้ดัดแปลงสิ่งปลูกสร้างโบราณ เพื่อหารายได้จากการรับนักท่องเที่ยว เช่นสร้างกำแพงกั้น และสร้างห้องน้ำภายในบริเวณบ้านโบราณ โดยไม่คำนึงถึงการอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างโบราณ

บางรายถึงขนาดรื้อถอนบ้านโบราณทิ้ง เพื่อสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นมาแทน ทั้งนี้ทำให้บ้านโบราณในหมู่บ้านได้รับความเสียหายอย่างมาก ขณะนี้ ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านเริ่มตระหนักถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น นายหัน โบ ผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่า จากนี้ไป ทางหมู่บ้านจะยึดหลักอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างโบราณ และรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้ จะไม่เน้นเอาประโยชน์ทางการค้าจากสิ่งปลูกสร้างโบราณ ทั้งนี้เพื่อให้มรดกทางวัฒนธรรมของหมู่บ้านสามารถสืบทอดไปถึงชนรุ่นหลังได้