กาสะลองส่องจีน ตอน 16 : ปวด-ชา จากหน้าหนาวรักษาไม่หาย ทำอย่างไรดี
  2015-05-04 17:16:17  cri

ย้อนกลับไปราว 5 เดือนก่อน ช่วงที่ปักกิ่งกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวใหม่ ๆ คนเมืองไทยที่ไม่เคยอยู่เมืองไกลอย่างผมก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา เห้ย...ฉันจะได้ใช้ชีวิตท่ามกลางหิมะ อุณภูมิติดลบ เปิดฮีตเตอร์อุ่น ๆ นั่งจิบโกโก้ที่ไม่ได้ปลูกเอง สวรรค์ชัด ๆ

ความรู้สึกชุดดังกล่าวนี้ผ่านเข้ามาได้ไม่นานครับ ความซ่าของผมด้วยอีกแหละที่ทำให้เกิดความเศร้าขึ้นตามมา หลายท่านคงสงสัย "ก็ไม่เห็นแกจะบ่นหรือพูดถึงเรื่องเศร้าอะไรในตอนก่อน ๆ เลย ก็ดูมีความสุขสุขภาพดีจะตาย" ครับ หน้างานก็ยิ้มไว้ก่อน จริง ๆ แล้วช่วงระยะเวลาเกือบ 5 เดือนที่ผ่านมา ผมมีอาการปวดขาบริเวณด้านขวามาโดยตลอด สืบเนื่องมาจากความบ้าระห่ำใส่กางเกงขาสั้นไปทำงาน ตอนนั้นจำได้ชัดเจนครับว่าอากาศไม่ได้หนาวไปจากหน้าหนาวที่เชียงใหม่สักเท่าไหร่ และเห็นชาวจีนทั่วไปก็ยังใส่ขาสั้นเดินเล่นไปทั่ว ปรากฎว่าหลังจากนั้นไม่นานร่างกายก็เริ่มออกอาการเรียกร้องความสนใจครับ ขาทั้งสองข้างเริ่มรู้สึกปวด จากปลายเท้าขึ้นมาจนหัวเข่า ด้วยนิสัยที่ชอบสืบค้นเป็นทุนเดิมก็ล่าข้อมูลสิครับ ร้อยวันพันปีไม่เคยปวดแบบนี้ คำตอบก็หลากหลายไม่ไปทางเดียวกันอีก สุดท้ายเชื่อไหมครับ ผมลองทำมันทุกทาง ทั้งทานและทายาคลายกล้ามเนื้อ รบกวนคุณแม่ส่งลูกประคบมานาบขา แช่เท้าด้วยน้ำร้อน ปรากฎว่าทั้งปวงนี้ก็มินำพาจริง ๆ อาการปวดยังคงดำเนินต่อไปจนรู้สึกว่า ก็ได้รอกลับไปเมืองไทย อากาศที่นั่นคงจะทำให้เราดีขึ้น

ผมยินยอมรับความเจ็บปวดนี้มาเป็นเวลาสองเดือนจนรู้สึกว่าอาการชักจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ ขาซ้ายดีขึ้นครับ อาการหายไปตอนไหนก็ไม่ทราบ เหลือเพียงขาขวาที่เริ่มมีอาการชาเสริมขึ้นมาด้วย และแน่นอนว่าสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจไม่น้อยเวลาทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนจะเข้านอน เมื่อร่างกายและใจเหลือสิ่งที่เราเลือกจะกำหนดไม่กี่อย่าง มันก็พากันไปกำหนดกันที่ขาขวากันเสียอย่างนั้น

การตัดสินใจบอกใครสักคนเกิดขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้นครับ ผมเลือกจะปรึกษาคุณอินทนิล ปลดเปลื้อง ผู้เชี่ยวชาญอีกท่านหนึ่งที่คร่ำหวอดกับการใช้ชีวิตอยู่ที่ปักกิ่งมแล้วกว่าครึ่งทศวรรษ ผมยิ่งดีใจใหญ่ที่คุณอินบอกกับผมว่า "พี่ก็เคยเป็น อาการแบบนี้เขาเรียกว่าความเย็นเข้าเส้น..." คุณอินเคยเขียนบทความเกี่ยวกับการรักษาไว้เช่นกันครับ แต่เหมือนจะไปหายเอาจริง ๆ ตอนกลับไปนวดแผนโบราณที่ไทย ตัวผมในเมื่อขณะนี้ยังกลับไทยไม่ได้ เลยขอให้คุณอินย้อนรอยการรักษาตัวเองเพื่อช่วยรักษาผมอีกครั้ง และนั้นก็เป็นที่มาของประสบการณ์การรักษาอาการปวด-ชาด้วยวิถีของแพทย์แผนโบราณจีนครั้งแรกในชีวิตของผมด้วย

อ่านถึงตรงนี้แล้วผมว่าผมก็คิดเหมือนคุณผู้อ่านบางท่านนะ ว่าจะหายจริงหรือเปล่า เราเติบโตมากับการรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบันเสียจนเคยชิน เราเชื่อมั่นกับการรับประทานยาเพื่อรักษาอาการป่วย เชื่อว่าถ้าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับร่างกายก็ต้องไปโรงพยาบาลหรือคลินิก ประสบการณ์นี้ล้มล้างระบบความคิดของผมโดยสิ้นเชิง คุณอินพาผมไปที่ "บ้าน" ของ แพทย์ "แผนโบราณ" จีน ท่านหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานสักเท่าไหร่นัก

ภายในบ้าน (ความจริงมันคือคอนโดตามความรู้สึกของคนไทย) ของคุณหมอท่านนั้นมีเตียงสำหรับรักษาผู้ป่วยอยู่สี่เตียงครับ บังเอิญวันนั้นผมไปค่อนข้างเช้า จึงไม่ต้องรอรับการรักษานานสักเท่าไหร่ คุณอินบอกหมอว่าผมมีอาการปวดและชาบริเวณเข่าขวามานานหลายเดือน คุณหมอยิ้มและเรียกผมนั่งลงข้าง ๆ เตียงที่เรียงรายอยู่ตรงนั้น เขาให้ผมยื่นแขนทั้งสองข้างและจับดูชีพจร (ภาพของหนังจีนกำลังภายในเรื่อง "ขี่พายุทะลุฟ้า" เผยให้เห็นขึ้นมาเป็นฉาก ๆ) ยังครับ คุณหมอยังให้ผมแลบลิ้นให้แกดูด้วย (เอ่อ...คือคุณหมอครับ ผมปวดขา ไม่ได้ปวดคอ ในใจคิดแบบนั้นจริง ๆ)

คุณหมอเลื่อนลงมาสังเกตสภาพของขาขวาของผม (ดีใจมาก เพราะในที่สุดคุณหมอแกก็มาถึงจุดเกิดเหตุแล้วจริง ๆ) เขาจับ ๆ คลำ ๆ อยู่สักพักแล้วลากผมเปลี่ยนอิริยาบถไปขึ้นเขียง ตัวผมเองก็คิดแล้วว่า "สบายแล้วเรา หลังจากนี้จะมีหมอมานวดให้ อารมณ์แบบนวดชั่วโมงละ 199.- ตามบ้านเรา มันต้องผ่อนคลายมากแน่ ๆ" ผมโดนดับฝันทันทีหลังจากนิ้วมือของคุณหมอปะทะลงบนร่างของผม

สารภาพว่าผมร้องเสียงหลงครับ คือข้างบ้านคงคิดว่ามีการฆาตกรรมกันเกิดขึ้นแน่ ๆ ผมขอข้ามฉากการกดนี้ไปนะครับเพราะผมก็อธิบายไม่ถูกว่าคุณหมอท่านกดไปลงส่วนไหนจุดไหนบ้าง เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที คุณหมอให้ผมลุกขึ้นจากเขียงแล้วลองเดินดูอีกครั้ง อ่านถึงตรงนี้อย่าเพิ่งคิดว่าผมจะหายเป็นปลิดทิ้งนะครับ พูดตรง ๆ คือปวดเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก แต่อาการปวดที่ว่ามันมาในลักษณะระบมครับ คุณหมอบอกให้ผมทำกายภาพสามวันแล้วกลับมาหาแกอีกครั้ง ผมเดินกลับมาพร้อมความรู้สึกว่านี่เราคิดถูกหรือเปล่าที่มาทำอะไรแบบนี้ เวลาล่วงมาจนก่อนจะเข้านอน เมื่อร่างกายและใจเหลือสิ่งที่เราเลือกจะกำหนดไม่กี่อย่าง มันก็พากันไปกำหนดกันที่ขาขวากันเสียอย่างนั้น ทว่าครั้งนี้มันต่างไปครับ อาการชาของผมมันหายไปคงเหลือไว้แต่อาการปวดตรงข้อเข่าและข้อเท้า แคืนนั้นจึงกลายเป็นคืนที่ผมนอนหลับสนิทที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา

ผมเดินทางไปหาคุณหมอตามนัดอีก 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดคือเมื่อวานนี้ แต่ละครั้งคุณหมอก็จะมีวิธีในการนวดและกดจุดที่ต่างตำแหน่งไป จนตอนนี้ เวลานี้ที่ผมเขียนเรื่องราวการนวดของหมอนวดแผนโบราณจีนท่านนี้ให้คุณผู้อ่านอ่านนั้น ผมกล้าพูดได้เลยว่า ผมหายแล้วครับ!

บทความชิ้นนี้ผมขออนุญาตไม่ระบุถึงชื่อของแพทย์ หรือแนบรูปแต่อย่างใดนะครับ หากคนไทยคนไหนที่รักษาอาการปวดจากความเย็นเข้าเส้นในเมืองไทยมาทุกวิธีแล้วยังไม่ดีขึ้น ผมอยากให้ลองมาหาคุณหมอท่านนี้ดูสักครั้ง เพราะนอกจากการนวดกดจุดแล้ว ยังมีกัวซาร์ ฝังเข็มด้วย คุณผู้อ่านท่านไหนที่อยากทราบข้อมูลติดต่อคุณหมอท่านดังกล่าว สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ภาคภาษาไทย สถานีวิทยุซีอาร์ไอครับ ทุกคนในภาคนี้รู้จักและเคยไปใช้บริการกับแกมาแล้วทั้งสิ้น สำหรับวันนี้ผมขอลาไปวิ่งเล่นชมบ้านชมเมืองแบบสบายใจก่อนนะครับ แล้วพบกันสัปดาห์หน้า สวัสดีครับ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040