ช่วงนี้มีข่าวสภาพหมอกควันที่ไม่สู้ดีนักในพื้นที่บริเวณภาคใต้และประเทศเพื่อนบ้านของเรา แน่นอนว่าในด้านการท่องเที่ยวคงได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ แต่อีกส่วนหนึ่งที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันเห็นจะเป็นสุขภาพของผู้คนในพื้นที่ ตัวผมเองไม่ค่อยแน่ใจว่าพี่น้องที่อาศัยในแถบนั้นรับมือกับปัญหาหมอกควันอย่างไร แต่กับผม ที่รู้สึกคุ้นชินกับสภาพอากาศเช่นนี้ เลยขอแนะนำวิธีที่ส่วนตัวใช้อยู่มาบอกต่อนะครับ กับ 5 ข้อแนะนำอยู่ร่วมกับสภาพ "หมอกควัน" อย่างสันติ(กว่าเดิม)

วิธีที่ 1 : เริ่มจากขั้นตอนพื้นฐานเลยก็คือ สร้างนิสัยให้รู้สึกว่า "หน้ากากอนามัย" เป็นเช่นของประดับ

แน่นอนครับ แรก ๆ อาจจะรู้สึกไม่ชินกับการที่มีสิ่งแปลก ๆ มาครอบหน้า อาจจะรู้สึกหายใจไม่สะดวก อาจจะรู้สึกว่าทำไมเราพูดให้คนอื่นฟังเข้าใจยากจัง แต่นี่เป็นเกราะคุ้มกันด่านแรกต่อเหล่าระบบทางเดินหายใจน้อย ๆ ของเรานะครับ

สำหรับหน้ากากอนามัยที่แนะนำ ราคาพอจะเอื้อมถึง ก็ชนิดที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน หรือที่เราเรียกกันบ่อย ๆ ว่า PM 2.5 ได้นั่นเอง

วิธีที่ 2 : โหลดแอพลิเคชั่นตรวจวัดค่ามลภาวะทางอากาศติดไว้เป็นโปรแกรมสามัญประจำมือถือ

ตัวนี้ช่วยได้ดีเลยครับ ทุกครั้งเวลาผมจะออกไปทำธุระหรือไปเที่ยว ก่อนออกจากบ้านก็จะเปิดโปรแกรมนี้เช็คค่ามลพิษทางอากาศก่อนเสมอ เพราะบางครั้งดูท้องฟ้าด้วยตาแล้วมันไม่อาจประเมินความอันตรายได้สักเท่าไหร่ เว้นเสียแต่ว่าจะมืดฟ้ามัวดินมองไม่เห็นตึกข้าง ๆ

วิธีที่ 3 : ถ้าจะมีที่ไหนในบ้านที่ปลอดภัยที่สุด ที่แห่งนั้นควรจะเป็นห้องนอน

คนทั่วไปส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ในห้องนอนอย่างน้อย ๆ ก็ 1 ใน 4 ของวัน และถ้าชีวิตจะต้องเจอกับสภาพอากาศอันแสนเลวร้าย ก็น่าจะมีช่วงเวลาให้ร่างกายได้พักผ่อนบ้าง ซึ่งห้องนอนควรจะเป็นห้องที่สะอาดมากที่สุด

สะอาดอย่างไรเล่า? จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมเลือกที่จะปิดหน้าต่าง "ถาวร" ครับ ถาวรในที่นี้คือเอากาวหนังไก่ซีลทับกับร่อยต่อของบานหน้าต่างทุกบาน บางคนอาจจะสงสัยว่า เปิดตอนกลางคืนก็ได้สิ ตอนกลางคืนไม่น่าจะมีฝุ่นแล้วนะ ความจริงแล้วช่วงเวลากลางคืนนี่ยิ่งน่ากลัวเลยครับ โดยเฉพาะในกรุงปักกิ่งที่อนุญาตให้รถบรรทุกวิ่งเข้าตัวเมืองเพื่อขนส่งหินดินแร่ต่าง ๆ ได้ภายหลัง 4 ทุ่ม

ผมทำความสะอาดช่องแอร์ทุก ๆ สัปดาห์ (ช่วงขั้นตอนนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่ามีฝุ่นละอองติดอยู่เป็นจำนวนมาก) และเลือกที่จะอาศัยห้องที่เล็กที่สุดในบ้านเป็นห้องนอน เพื่อให้เครื่องฟอกอากาศสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

วิธีที่ 4 : หากจะต้องอยู่ร่วมกับใครสักคน พยายามอยู่ร่วมกับ "ชาวต่างชาติ"

สืบเนื่องมาจากข้อที่ 3 ส่วนตัวแล้วผมมองว่าการทำความเข้าใจกับชาวต่างชาติหรือชาวจีนรุ่นใหม่ดูจะง่ายกว่า เหตุเพราะชาวจีนสูงอายุจำนวนไม่น้อยยังมีความเชื่อว่าการเปิดหน้าต่างจะทำให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทได้ดี ซึ่งนี่ก็มีส่วนถูกครับ ในกรณีที่ค่ามลพิษในเมืองไม่ได้สูงชะลูดแบบปัจจุบัน ใครที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์นี้อยู่ก็ค่อย ๆ ปรับความเข้าใจกันนะครับ

หวังว่าบทความชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์แก่พี่น้องในพื้นที่ภาคใต้ที่กำลังประสบปัญหานี้ เป็นประโยชน์แก่น้อง ๆ ที่กำลังจะเดินทางมาศึกษาต่อในปักกิ่ง รวมถึงมนุษย์เงินเดือนที่กำลังเคลื่อนตัวมาใช้ชีวิตที่นี่แบบผมกันนะครับ