ผลพวงจากความพยายามมาหลายทศวรรษตอนนี้พื้นที่ป่าของจีนมีมากที่สุดในโลก นายจาง เจี้ยนหลง อธิบดีกรมป่าไม้จีน เผยในพิธีเปิดงานพืชสวนโลกถังซาน ปี 2016 เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ว่าขณะนี้จีนเป็นประเทศที่มีป่าปลูกมากที่สุดและทรัพยากรป่าไม้เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่ป่า 208 ล้านเฮกตาร์หรือประมาณ 1,300 ล้านไร่ อัตราครอบคลุมของป่าร้อยละ 21.66 ส่วนอัตราครอบคลุมของพื้นที่สีเขียวในเมืองร้อยละ 40.22 พื้นที่สีเขียวเฉลี่ยต่อคนเท่ากับ 13.16 ตารางเมตร ผลผลิตจากป่าทั่วประเทศสร้างรายได้เป็นเงิน 5.81 ล้านล้านหยวน โดยจีนจะใช้ความพยายามต่อไปเพื่อเพิ่มอัตราการครอบคลุมของพื้นที่ป่าให้ถึงร้อยละ 23.04 ในปี 2020
จีนเริ่มปลูกป่าอย่างต่อเนื่องจริงจังมาตั้งแต่สมัย ดร.ซุน ยัตเซ็น บิดาแห่งสาธารณรัฐจีน เป็นผู้ที่รณรงค์ให้มีการปลูกต้นไม้อย่างต่อเนื่อง ดร.ซุน ยัตเซ็นกล่าวที่เมืองกวางโจวเมื่อปี 1924 ว่าการแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งที่สำคัญต้องปลูกต้นไม้ให้มากขึ้นและปลูกป่าในพื้นที่กว้างใหญ่ ในยุคสมัยของดร.ซุน ยัตเซ็น เคยกำหนดให้วันเช็งเม้งเป็นวันปลูกต้นไม้ แต่หลังจากท่านถึงแก่อสัญกรรมไปแล้ว 3 ปีได้มีการกำหนดให้วันที่ 12 มีนาคมซึ่งเป็นวันอสัญกรรมของท่านเป็นวันปลูกต้นไม้ ในยุคสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 ประธานเหมา เจ๋อตง ก็รณรงค์ให้ประชาชนทั่วประเทศปลูกป่า เพิ่มพื้นที่สีเขียว อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาระบบนิเวศ โดยมีเป้าหมายใช้เวลา 12 ปี กำจัดพื้นที่ว่างเปล่าและภูเขาหัวโล้นด้วยการปลูกป่า ทั้งได้เชิญชวนให้ประชาชนปลูกต้นไม้ตามพื้นที่ว่างข้างบ้าน รอบบ้านในชุมชนตามริมถนนหนทางต่าง ๆ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thai.cri.cn/247/2013/03/18/121s208031.htm
https://thai.cri.cn/247/2013/03/18/121s208035.htm)
ผู้นำสาธารณรัฐประชาชนจีนทุกสมัยต่างให้ความสำคัญกับการปลูกต้นไม้ปลูกป่า นอกจากนี้ยังถือโอกาสเชิญชวนผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่มาเยือนหรือมาร่วมประชุมในจีนปลูกต้นไม้ อาทิ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้เชิญชวนผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่มาร่วมการประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก ครั้งที่ 22 ที่กรุงปักกิ่ง ปลูกต้นไม้ที่ริมทะเลสาบเยี่ยนชี เขตหวยโหรว ข้างสถานที่จัดประชุมผู้นำเอเปกในวันนั้น
นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกล่าวในการร่วมปลูกป่าเมื่อปีที่แล้วว่าหลังพยายามทุ่มเทผลักดันการปลูกป่ามาหลายทศวรรษตั้งแต่ก่อนตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ค.ศ.1949 จนถึงขณะนี้จีนกำลังจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแมกไม้นานพันธุ์ ภูเขาเขียวและผืนดินที่เขียวขจีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การปลูกป่ายังต้องเดินหน้าต่อไปในช่วงที่ประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก ป่าไม้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการดำรงชีวิตของผู้คน พร้อมย้ำว่า คนจีนทุกคนมีหน้าที่ช่วยกันฟื้นฟูสภาพแวดล้อม สร้างแผ่นดินจีนที่เขียวขจีและมีมลพิษน้อยลง การปลูกต้นไม้จะนำไปสู่การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและเป็นประโยชน์กับมนุษย์ นอกจากนี้ ผู้นำจีนยังเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันปกป้องแหล่งน้ำและเมล็ดพันธุ์พืช สร้างสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอุดมด้วยทรัพยากร เพื่อมนุษย์กับธรรมชาติจะได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข
จีนมีเป้าหมายปลูกต้นไม้ 26,000 ล้านต้น ในช่วงปี 2011 – 2020 โดยการปลูกป่าในจีนเป็นการรวมแรงร่วมใจกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ภาคประชาชนของจีนปลูกป่าอย่างเป็นล่ำเป็นสันด้วยสาเหตุต่าง ๆ กัน บ้างปลูกเพราะสืบทอดความฝันของบุคคลอันเป็นที่รัก ปลูกเพราะรักต้นไม้ ปลูกเพราะต้องการหาทางออกให้กับปัญหาภัยธรรมชาติที่เผชิญอยู่ ปลูกเพื่อแก้เหงา จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามสิ่งที่ได้มาคือความเขียวขจี
คุณแม่สี่ว์ หมิงจู เกษียณจากโรงพยาบาลในต่างมณฑลแล้วย้ายมาอยู่กับลูกสาวที่กรุงปักกิ่ง มีเวลาว่างมากรู้สึกเหงา เห็นในชุมชนยังมีที่ว่างจึงหาต้นท้อมาปลูกรดน้ำพรวนดินดูแลอย่างดี ปลูกมาหลายปีจนท้ออกผลให้รับประทานหลายรุ่น ผลิผลิตที่ได้ได้แบ่งให้คนในชุมชนรับประทานด้วย
คุณแม่อี่ว์ เจี่ยเฟิ้ง สานฝันของลูกชายที่ต้องการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่เป็นทะเลทรายของมองโกเลียในแต่ลูกชายดันมาด่วนตายจากอุบัติเหตุเสียก่อน คุณแม่คุณพ่อจึงพากันสานฝันตั้งมูลนิธิกรีนไลฟ์ปลูกป่าคืนพื้นที่สีเขียวให้แผ่นดินจีนมูลนิธินี้ได้เชิญชวนผู้คนมาปลูกป่าจนได้ผลความเขียวขจีกลับคืนมาและยังจะมุ่งหน้าปลูกป่ากันต่อไป
ชายพิการจีนสองคน คนแรกเจี่ย ไห่เซี่ย ตาบอดทั้งสองข้างและเจี่ย เวินฉี แขนด้วน สองคนรวมแรงร่วมใจกันพึ่งพาตาและแขนของกันแลกัน เช่าที่จากรัฐบาล 20 ไร่ปลูกต้นไม้กว่าหมื่นต้นช่วยหมู่บ้านพ้นจากน้ำท่วมและภัยแล้ง
ดิฉันเคยไปหมู่บ้านหัวซี เมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู หมู่บ้านที่ถูกจัดว่าเป็นหมูบ้านที่รวยที่สุดในโลก ยังจำภาพความเขียวขจีทุกพื้นที่ของหมู่บ้านนี้ได้ แม้แต่พื้นที่ข้างทางถูกใช้ประโยชน์ด้วยการปลูกพืชอย่างพวกถั่วเขียวจนแน่นไปหมด ไม่เห็นพื้นที่รกร้างว้างเปล่าแม้แต่น้อย ชาวบ้านรวมแรงร่วมใจกันดีจริง ๆ
จีนมีเป้าหมายปลูกต้นไม้ 26,000 ล้านต้น ในช่วงปี 2011-2020 การจะบรรลุเป้าหมายนี้สำหรับที่จีนไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทุกภาคส่วนรวมแรงร่วมใจกันจริง ๆ ประเภทที่จะตัดไม้ทำลายป่า จุดไฟเผาป่าเพื่อหาของ จุดไฟเผาตอซังไร่น่าภาวะอย่างนี้แทบไม่มีให้เห็นในจีน ตอนนี้ภาวะโลกร้อนภัยแล้งกำลังทำให้คนไทยและประชาชนหลายประเทศในหลายอาเซียนเดือดร้อนหนักถึงขั้นต้องจัดสรรน้ำกินน้ำใช้น้ำเพาะปลูกกัน การปลูกต้นไม้ปลูกป่าและช่วยกันดูแลอย่างต่อเนื่องน่าจะเป็นหนทางที่ทุกคนทำได้ แน่นอนการส่งผลจนเขียวขจีทั่วแผ่นดินต้องใช้เวลานาน ขณะที่การทำลายพื้นที่สีเขียวใช้เวลาสั้นนิดเดียว แต่เชื่อเถอะถ้าเรารวมแรงร่วมใจกันและทำมันอย่างต่อเนื่องเราก็จะเป็นประเทศไทยที่เขียวขจีเช่นที่ประเทศจีนเป็นในเวลานี้ เรื่องนี้น่าเอาอย่างจีนค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------