กาสะลองส่องจีน ตอน 57 : อาจารย์สวี เจี้ยน นักจิตรกรการทูต ตอนที่ 1
  2016-08-05 17:18:02  cri

อ่านชื่อตอนอาจจะงง ๆ ว่าจิตกรมันไปเกี่ยวอะไรกับการทูต ผมก็ไม่คิดว่าจะมีคำไหนอธิบายตัวตนของคนต้นเรื่องสัปดาห์นี้ได้สั้น กระชับ และสื่อความหมายได้ดีไปกว่า "นักจิตรกรการทูต" แล้วล่ะครับ

อาจารย์สวี เจี้ยนเป็นใคร? สำคัญอย่างไร? เกี่ยวอะไรกับการทูต? วันนี้ผมและคุณเยี่ยน จื่อ เพื่อนร่วมงานที่รับตำแหน่งเป็นทั้งพี่สาวของผม อาสาพาผมออกจากออฟฟิศซีอาร์ไอซึ่งตั้งอยู่กลางเมืองปักกิ่ง ไปสัมผัสกับสถานที่ที่เป็นทั้งบ้าน โรงเรียน และพิพิธภัณฑ์ของจิตรกรท่านนี้ เดี๋ยวพอได้เห็นภาพคุณผู้อ่านก็จะคิดแบบผมว่า ขับรถมารอบนอกเมืองไม่ถึงครึ่งชั่วโมง อารมณ์พอได้เห็นวิวข้างทางมันต้องตั้งคำถามจริง ๆ ว่านี่คือเมืองหลวงจีนแน่หรือเปล่า

เกริ่นคร่าว ๆ สักเล็กน้อยเท่าที่ผมทราบเกี่ยวกับจิตรกรท่านนี้นะครับ ความน่าสนใจของท่านคือท่านใช้ "ภาพวาด" เชื่อมความสัมพันธ์จีนกับต่างประเทศครับ หากจะจัดเข้าอยู่ในกลุ่มของการใช้อำนาจนุ่ม อำนาจอ่อนตามแต่ที่วงการการทูตจะเรียกกันก็เห็นจะไม่ผิดนัก

สิ่งที่ทำให้ผมสนใจและเลือกเดินทางมาหาอาจารย์สวี เจี้ยนในวันนี้ ก็เพราะเมื่อไม่กี่ปีก่อน ท่านได้เปิดบ้านโชว์ผลงานภาพวาดนกและดอกไม้ประจำชาติแก่คณะทูตานุทูตทั่วโลกจนเป็นข่าวใหญ่โตในจีนจีนอยู่พักหนึ่ง เมื่อได้รู้อีกว่าท่านเป็นลูกศิษย์อาจารย์ที่เคยวาดภาพโชว์ปรมาจารย์ศิลปะโลก "ปีกัสโซ่" ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้อยากรู้จักท่านมากขึ้น

ผมและคุณเยี่ยน จื่อได้ถอดบทสัมภาษณ์อาจารย์สวี เจี้ยนมาให้ชาวไทยได้ติดตามกัน สำหรับใครที่อยากเห็นมุมมอง แนวคิด เรื่องราวชีวิตจิตรกรจากแผ่นดินมังกรกันบ้าง เชิญติดตามอ่านกันได้เลยครับ

ถาม : อยากให้อาจารย์ช่วยเล่าถึงชีวิตตัวเองหน่อยครับ ?

ตอบ : "ผมชื่นชอบการวาดภาพตั้งแต่เด็ก ตอนอายุได้ 8 หรือ 9 ขวบเนี่ยแหละ เคยกำลังวาดม้าอยู่ แต่วาดไปวาดมาเริ่มไม่แน่ใจว่าหน้าตาม้าเป็นอย่างไร เลยเดินออกไปมองหน้าม้าเสียอย่างนั้น ความที่อยากเห็นรายละเอียดใกล้ ๆ ดันไปทำม้าเขาตกใจจะกัดเราเขา โชคดีที่ตอนนั้นเป็นช่วงหน้าหนาว ใส่เสื้อผ้าหลายชั้นเลยไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก"

"ผมไม่ได้เกิดในครอบครัวที่สมบูรณ์อะไรนัก หลังพ่อแม่หย่ากัน พ่อเลี้ยงผมที่มีนิสัยออกจะใจร้อนแล้วเอาจริง ๆ ก็เป็นคนดุนั่นแหละครับ เขาก็ห้ามผมวาดรูป เพราะรู้สึกว่าไร้ประโยชน์ มีแต่จะเสียเวลาเปล่า ๆ ตอนนั้นลึก ๆ ผมยอมรับนะว่าเสียใจแต่ก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้เลิกวาดภาพ กลับกันความลำบาก ณ ตอนนั้นยังทำให้ผมเลือกที่จะใช้การวาดภาพเป็นหนทางผ่อนคลายอารมณ์และหาความสงบให้ชีวิต"

"พออายุย่างได้ 18 ปี ก็เริ่มหางานทำ ตอนนั้นได้งานเป็นพนักงานทำความสะอาดในโรงพยาบาล งานหนักมาก ๆ แต่ผมก็ยังไม่ทิ้งการวาดภาพนะ ก็วาดต่อไปเรื่อย ๆ ช่วงนั้นภาพที่วาดส่วนใหญ่ก็เป็นดอกไม้ ภูเขา แม่น้ำลำคลอง แล้วก็นกอะไรพวกนี้ คนที่ได้เห็นผลงานในตอนนั้นก็ออกอาการค้านผมใหญ่ บ้างก็ตำหนิว่าวาดภาพอะไร ทำไมไม่วาดภาพที่มันเรียกอารมณ์ฮึกเหิม ภาพความยิ่งใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์อะไรทำนองนี้ แม้ตอนนั้นจะไม่ค่อยมีคนเข้าใจผมเท่าไหร่แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมก็ยังไม่ย่อท้อ ก็กัดฟันสู้มันต่อไป"

"การทำงานที่โรงพยาบาลทำให้ผมได้รู้จักผู้คนมากหน้าหลายตา ได้ฟังเรื่องราวจากเหล่าแพทย์ที่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องของปัญญาชนเขาคุยกัน ตอนนั้นแหละที่เริ่มรู้ว่าโลกภายนอกมันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง บางช่วงผมก็มีโอกาสติดตามคณะแพทย์ออกไปทำงานในพื้นที่ชนบท ไปช่วยเขาค้นหาสมุนไพร ก็เป็นอีกช่วงของชีวิตที่ทำให้ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ได้สังเกตต้นไม้ ดอกไม้ สัตว์ต่าง ๆ ในธรรมชาติอย่างละเอียด ทั้งหมดทั้งมวลมันสั่งสมเป็นประสบการณ์ในการวาดภาพของผมจนทุกวันนี้"

อาจารย์สวี เจี้ยนวาดรูปด้วยตัวเองมาตลอดจนอายุได้ประมาณ 15 ปีครับ ปีนั้นเองที่ก็เรียกได้ว่าเป็นปีที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของอาจารย์ไปสิ้นเชิง อาจารย์ได้พบกับอาจารย์หวัง เสว่เทา อาจารย์ที่รับอาจารย์สวี เจี้ยนเข้ามาเป็นลูกศิษย์จนทำให้ชีวิตของอาจารย์มีทุกวันนี้

โปรดติดตามตอนต่อไปในสัปดาห์หน้านะครับ สวัสดีครับ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040