ทิ้งท้ายในสัปดาห์ก่อนว่าอาจารย์หวัง เสว่เทา ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์คนแรกและคนเดียวของอาจารย์สวี เจี้ยนได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของอาจารย์ไปสิ้นเชิง สัปดาห์นี้เรามาร่วมไขคำตอบกันนะครับว่า "เพราะอะไร" อาจารย์สวี ถึงได้ผูกพันและเทิดทูนอาจารย์หวัง ถึงขนาดนี้
ถาม : อาจารย์ช่วยเล่าเรื่องราวระหว่างอาจารย์กับอาจารย์หวังให้ฟังหน่อยครับ ?
ตอบ : "พูดถึงครูผมก่อนแล้วกันนะ ครูผมเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ฉี ไป๋สือ (นักวาดภาพทีมีชื่อเสียงทั้งในจีนและต่างประเทศในยุคนั้น) ราวปี 1956 ครูผมได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนจิตรกรภาพเขียนจีนคนแรก ติดตามคณะผู้แทนวัฒนธรรมจีนไปแลกเปลี่ยนที่ยุโรป ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ครูผมก็ได้มีโอกาสแสดงฝีมือต่อหน้า Pablo Picasso แล้วก็ถือเป็นการเยือนเพื่อปูพื้นฐานที่ดีในการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ฝรั่งเศส ปี 1964"
"ครูผมเล่าว่าใช้เวลา 7 นาทีวาดภาพต้นสนกับนกอินทรีย์ให้ Picasso ดู พอวาดเสร็จก็เขาก็ชมใหญ่ว่า"ศิลปะที่แท้จริงมีอยู่ที่โลกตะวันออก" จากนั้นก็ได้วาดรูป "นกพิราบแห่งสันติภาพ" ลงบนสมุดวาดภาพเป็นการตอบแทน ซึ่งภาพ ๆ นี้ ก็ยังเป็นผลงานต้นฉบับของ Picasso เพียงชิ้นเดียวที่มีอยู่ในจีนด้วย"
"ช่วงเวลาที่ผมได้รู้จักครูก็ประมาณปี 1970 เป็นช่วงที่จีนกำลังปฏิวัติวัฒนธรรมพอดี ตอนนั้นอะไร ๆ ก็ดูวุ่นวาย ซึ่งก็แน่ว่าครูผมก็ได้รับผลกระทบไปด้วย แต่ผมว่าความจริงใจมุ่งมั่นของตัวเองเนี่ยแหละที่ทำให้ผลสุดท้าย ครูก็รับผมเข้าเป็นศิษย์จนได้ ยิ่งพอรู้ว่าครอบครัวผมมีสภาพที่ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขาเท่าไหร่ (หัวเราะ) ครูก็มอบความห่วงใยให้เหมือนเป็นลูกแท้ ๆ คนหนึ่ง กลับกัน ตัวผมเองก็รักครูเสมือนพ่อแท้ ๆ"
"ชีวิตช่วงสุดท้ายของครูผม ท่านสุขภาพไม่สู้ดีนัก ต้องมีคนคอยอยู่ใกล้ ๆ ปี 1977 ภรรยาครูต้องเข้ารับการรักษายาวในโรงพยาบาล ผมเองก็รับหน้าที่ดูแลท่านที่บ้าน ทุก ๆ เช้าก็จะมาบ้านครูละ ช่วยล้างหน้า ทำกับข้าว พอสายมาก็บดหมึก เตรียมเครื่องมือวาดภาพให้พร้อม ขณะที่ครูกำลังวาดภาพ ท่านก็จะสั่งให้ผมยืนข้าง ๆ ดูการวาดภาพของท่านและต้องจำให้ได้ด้วยว่าลำดับการวาดเริ่มจากตรงไหน พู่กันที่ใช้จะใช้ด้านไหนก่อนด้านไหนหลัง สีอะไรบ้าง ประมาณนี้ พอเข้าช่วงบ่ายหลังครูพักผ่อนเสร็จแล้ว ครูก็จะสั่งให้ผมวาดภาพที่ครูวาดในตอนเช้าโดยที่ห้ามดูต้นฉบับ ใช้ความจำของตัวเอง วิธีสอนแบบนี้ ช่วยผมหัดสังเกตภาพได้ชัดเจนและละเอียดขึ้นมาก ขณะเดียวกันก็ยังได้เรียนรู้จากครูได้อย่างเต็มที่ด้วย"
"ผมดูแลครูหวังด้วยความเต็มใจ และผมเองก็รู้ว่าครูสัมผัสได้ถึงตรงนั้น ครูไม่ได้สอนแค่การวาดภาพ แต่สอนการวาดชีวิตให้ตัวผมเองเติบโตมาเป็นคนดี ตอนผมอายุได้ 18 เพื่อนคนอื่นพอวาดภาพเสร็จก็พากันไปขายที่ตลาด วันนึงได้เงินกันคนละ 3-4 หยวน สมัยนั้นนี่เรียกว่ารายได้ไม่เลวเลยนะ พอเห็นเพื่อนทำตัวเองก็ชักอยากทำบ้าง เลยกลับมาเล่าให้ครูฟัง ปรากฎว่าท่านโกรธใหญ่เลย บอกว่า "คนอื่นเขาวาดภาพขายเพื่อทำมาหากิน แต่เราไม่ใช่ เรามีงานทำ มีรายได้ แม้จะไม่มากมายอะไรนัก แต่ก็ไม่ถึงกับต้องอดมื้อกินมื้อ ถึงวาดขายไปตัวเราก็ไม่ได้พัฒนาขึ้น เพราะผลงานมีแต่จะเร่งและลวก เพราะฉะนั้นอย่าใจร้อนเด็ดขาด ค่อย ๆ ฝึก ค่อย ๆ สั่งสมประสบการณ์ไป สักหนึ่งมันจะเป็นวันของเราเอง"
โปรดติดตามตอนต่อไป