คุณฐิตาภา ทรงเผ่า กรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน รีไรเตอร์หน้า 1 นสพ.ไทยรัฐ น้ำใจร้อยรัดสัมพันธ์จีน-ไทยให้แน่นแฟ้น (ตอนที่1)
  2016-09-07 14:59:18  cri

คุณฐิตาภา ทรงเผ่า(คนที่ 2 จากขวา)

เมื่อคราวคุณฐิตาภา ทรงเผ่า กรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน รีไรเตอร์หน้า 1 นสพ.ไทยรัฐเดินทางร่วมคณะผู้บริหารสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีนมาประชุมร่วมกับสื่อมวลชน200กว่าคนจาก 78 ประเทศทั่วโลกที่ปักกิ่งตามคำเชิญของหนังสือพิมพ์พีเพิลเดลีและแวะมาเจรจาความร่วมมือกับสถานีวิทยุซีอาร์ไอ ได้กรุณาเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อประเทศจีน และสะท้อนสาเหตุที่คนจีนชอบมาเที่ยวประเทศไทยมากที่สุด ดังนี้

ประทับใจเมืองจีนตั้งแต่มาครั้งแรกเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว โดยหนังสือพิมพ์เหรินหมินรื่อเป้าหรือพีเพิลเดลีในปัจจุบันเชิญมา ก็มาในนาม นสพ.ไทยรัฐและสมาคมนักข่าว ตั้งแต่แรกเจอปักกิ่งก็ประทับใจมาก หนึ่งคือ ความเป็นระเบียบ ชอบที่บ้านเมืองสงบ ในยุคนั้นคนจีนยังใส่เสื้อผ้าเป็นประธานเหมาสีทึม ๆ อยู่ ได้ไปซีอานดูสุสานทหารจิ๋นซีฮ่องเต้ก็ประทับใจตั้งแต่นั้นมา ชอบที่เมืองจีนมีอารยธรรมโบราณมีประวัติศาสตร์ที่น่าศึกษาน่าค้นคว้ามากๆ ได้มาจีนอีกหลายครั้งอย่างครั้งต่อมาก็มาที่จางเจียเจี้ย เป็นอะไรที่พอรู้ว่าเขาจะเชิญมาจางเจียเจี้ยเนี่ยตื่นเต้น นอนไม่หลับ ตอนนั้นภาพยนตร์เรื่องอวตารเพิ่งถ่ายทำเสร็จแล้วมีข่าวแว่วออกมาว่าใช้ที่นี่เป็นโลเกชั่น พอมาเห็นด้วยตาตัวเองแล้วทึ่งมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่บนโลกใบนี้ ไปในหลายที่ของประเทศจีนแล้วรู้สึกประทับใจมาก คือ หนึ่งประเทศจีนเหมือนเป็นสวรรค์บนดินจริง ๆ เพราะแต่ละที่ที่ไปสวยงามมากมายคือจะคนละแบบกับไทย แต่จีนเป็นอะไรที่เราเห็นแล้วอึ้ง หลากหลาย อลังการ ไม่ว่าจะเป็นจิ่วไจ้โกวซึ่งยังไม่เคยได้มาแต่ว่ามีความใฝ่ฝันว่าสักครั้งในชีวิตต้องมาที่จิ่วไจ้โกวให้ได้ ไปจางเจียเจี้ยแล้วก็มีโอกาสกลับไปที่ซีอานอีกคร้ง ก่อนมาซีอานย้อนไปนิดหนึ่งได้มาที่มณฑลอันฮุย ไปเมืองเหอเฝยก็ได้ไปขึ้นเขาหวงซาน

คุณฐิตาภา ทรงเผ่า(คนที่ 4 จากขวา)

อีกอย่างที่ทำคือเป็นผู้ดำเนินรายการของ MCOT FM.95 Active Radio ก็ได้นำเรื่องราวของเมืองจีนที่ไปมาไปเผยแพร่ให้กับคนไทยและคนจีนที่อยู่ในไทยได้ฟังว่าเมืองจีนนี่อะไรยังไง แล้วก็ความสัมพันธ์ของชนชาติทั้งสอง

อีกสิ่งที่ประทับใจในการมาเมืองจีนคือคนจีนอยากพูดภาษาไทยแล้วก็เรียนภาษาไทยของเรา คนจีนรักคนไทยมาก ๆ เขารู้ว่าเราเป็นคนไทยจะยกมือไหว้แล้วจะพูดสวัสดีด้วยทำให้เรารู้สึกว่าคนจีนรักคนไทนมาก ๆ ทำให้เราปลื้มและตื้นตัน ความจริงเรากับจีนก็มาจากเทือกเขาเดียวกัน บรรพบุรุษเดียวกัน เพียงแต่แยกทางกันเดินเท่านั้นเอง คนจีนก็เดินมามาอยู่ในภูมิประเทศที่เหมาะสม มาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับตนเองอย่างเป็นปึกแผ่นเกรียงไกรแล้วก็มั่นคง จนถึงปัจจุบันก็ยิ่งมั่นคงยิ่งขึ้น ในขณะที่คนไทยก็แยกเดินมาอีกเส้นหนึ่งที่มีศิลปะ วัฒนธรรมที่สวยงามเหมือนกันแตกต่างกันก็ตรงที่เป็นสไตล์ไทยไป แต่อย่างไรก็ตามในความเป็นจีนกับไทยเวลาไปเจอกันที่ไหนก็ตามก็จะมีความรู้สึกว่าเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่ใครอื่นไกลเลย

สิ่งที่ประทับใจมากอีกอย่างหนึ่งคือวันนั้นวันที่นั่งเครื่องบินกลับจากเมืองเหอเฝย เครื่องบินลำนั้นบรรทุกผู้โดยสารชาวจีนที่เดินทางไปเที่ยวไทยเยอะมาก พอเครื่องบินแตะสุวรรณภูมิเด็ก ๆ ที่นั่งอยู่บนเครื่องบินลุกขึ้นมาแล้วตะโกนคำว่าสวัสดีครับ-สวัสดีค่ะ ดิฉันขนลุกซู่เลย คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากเด็ก ๆ นั่นแสดงให้เห็นว่าพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่พามา คงจะบอกว่าเหยียบแผ่นดินไทยหรือล้อเครื่องบินแตะแผ่นดินไทย คำแรกที่เราต้องพูดนั่นคือคำว่า สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ

จำได้เมื่อทริปจางเจียเจี้ยไปซื้อผ้าไหมที่ร้านผ้าไหม พอคนขายรู้ว่าเป็นคนไทย เขาพูดภาษาไทยเลย โอย.เรารู้สึกโล่งใจมาก ถามว่าไปเรียนภาษาไทยที่ไหนมา เขาบอกว่าไปเรียนที่กวางสีมีโรงเรียนสอนภาษาไทย ทำให้เรารู้สึกเลยว่าภาษาไทยของเราเนี่ยมีความสำคัญกับคนจีนเหมือนกัน คือเขาต้องการติดต่อสื่อสารกับเราฉันญาติมิตรฉันเพื่อนฉันครอบครัวเดียวกัน ในความรู้สึกของดิฉันเป็นอย่างนี้ ดังนั้นการที่คนจีนมาเที่ยวเมืองไทย เขาก็เหมือนกับมาเยี่ยมญาติพี่น้อง เพราะฉะนั้นเราต้องตั้งใจต้อนรับเขาให้ดี ๆ เขาตั้งใจมา แล้วในการประชุมเมื่อวานนี้(26 กรกรฎาคม2559) ซึ่งเป็นที่ประชุมของสื่อมวลชนจาก 78 ประเทศทั่วโลก 200 กว่าท่าน ขณะไปเยี่ยมสำนักงานหนังสือพิมพ์พีเพิลเดลี ผู้บริหารพีเพิลเดลีท่านหนึ่งยังหนุ่มอยู่เลยได้พูดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในแนวนโยบายของพีเพิลเดลีเกี่ยวกับสื่อใหม่ในโลกดิจิตอล พูดไปพูดมาก็มีประโยคหนึ่งออกมา คือผู้บริหารท่านนี้พูดว่า "ทราบหรือไม่ว่าอันดับหนึ่งของสิบประเทศที่คนจีนอยากไปเที่ยวมากที่สุดคือประเทศไหน" คำตอบคือประเทศไทยนั่นเอง แล้วคิดดูซิว่าสื่อจากทั่วโลกที่นั่งอยู่ ณ ที่นั้นเขาต้องรับรู้รับทราบ ผู้บริหารท่านนี้ยังพูดต่ออีกว่า ทราบไหมครับว่าทำไมคนจีนถึงเลือกที่จะไปประเทศไทยเป็นอันดับแรก เขาบอกว่าเพราะคนไทยมีน้ำใจกับเขามาก เขาบอกว่าคนจีนที่ไปเมืองไทยอาจมีกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ชอบศิลปะ วัฒนธรรมไทยเพราะแต่ละชาติก็มีศิลปะมีวัฒนธรรมของตน แต่สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดให้เขาไปไทยคือความมีน้ำใจที่สุดของคนไทย แล้วก็อาหารการกิน แล้วก็ธรรมชาติ ซึ่งจริง ๆ แล้วธรรมชาติที่เมืองจีนก็หลากหลายเยอะะอลังการมากๆ แต่ทว่าสิ่งดึงดูดให้มาประเทศไทยนั้นก็คือน้ำใจตามมาด้วยเรื่องอาหาร เพราะฉะนั้นสายเลือดความสัมพันธ์ไทย-จีนถึงอยากให้ดำรงแล้วก็รักษาไว้ตราบนานเท่านาน ซึ่งทุกคนมีส่วนในการรักษาด้วยการแสดงน้ำใจกับนักท่องเที่ยวจีน

อยากจะพูดถึงเรื่องหนึ่งคืออันนี้ไม่ได้ยกย่องตัวเองนะคะแต่ก็อยากเล่าให้ฟังเพราะเป็นสิ่งที่ได้ทำมาแล้วรู้สึกภูมิใจจนถึงวันนี้ เรื่องความมีน้ำใจเราเองก็เคยได้แสดงความมีน้ำใจกับคนจีนมาเหมือนกันคือในเที่ยวบินลำที่เด็ก ๆ กล่าวคำว่าสวัสดีครับสวัสดีค่ะ วันนั้นได้นั่งข้าง ๆ น้องผู้ชายคนหนึ่ง เกือบตลอดทางไม่ได้คุยกันเพราะหลับ แต่ก่อนเครื่องบินจะลงสักชั่วโมงหนึ่งก็ตื่นขึ้นมา พอดีมีน้องที่เป็นคนจีนผู้หญิงอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย ก็ถามเขาว่าเขาจะไปไหน เขาบอกเขาจะมาเที่ยวเมืองไทย น้องผู้ชายก็เลยมาคุยด้วยว่าเขามาประชุมที่เมืองไทย แต่เขาไม่กล้านั่งแท็กซี่เมืองไทยเพราะว่าเขากลัวหลงกลัวโน้นกลัวนี่ ก็ถามเขาว่าเขาจะไปเส้นทางไหน เขาบอกว่าเขาพักที่โรงแรมพูลแมน ดิฉันก็เลยอาสาที่จะไปส่งเขาเพราะกลัวเขาหลงทางก็เลยบอกเขาว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวนั่งแท็กซี่ไปกับพี่พี่จะไปส่ง ปรากฏว่าวันนั้นรถติดมากเขาก็กระสับกระส่ายกระวนกระวายคงจะหิวด้วย ก็เลยบอกเขาว่าเอาอย่างนี้เดี๋ยวพี่จะไปส่งคุณให้ถึงโรงแรมคุณไม่ต้องกลัวคุณสบายใจได้ แต่พี่รู้ว่าคุณหิวใช่ไหม พี่จะพาคุณไปเลี้ยงข้าวก่อน ตอนแรกเขาก็ทำท่าจะปฏิเสธ ก็เลยบอกเขาคุณอย่าปฏิเสธเลย พี่จะพาคุณไปทานข้าวให้เรียบร้อยคุณเข้าโรงแรมคุณพักผ่อนได้เลย ก็พาเขาไปทานข้าวที่เซ็นทรัล เพราะรถมันติดมากกว่าเขาจะไปถึงโรงแรมพูลแมน ระหว่างทานข้าวภรรยาเขาก็ส่งข้อความมาถามว่าถึงเมืองไทยหรือยัง เขาก็บอกว่าเขาถึงเรียบร้อยแล้วก็ได้รับความช่วยเหลือจากผู้หญิงไทยคนหนึ่งพาเขามาทานข้าวนู่นนี่นั่น ภรรยาเขาก็ฝากขอบคุณมา พอทานข้าวเสร็จเรียบร้อยก็ไปส่งเขาถึงโรงแรมพูลแมนจริง ๆ น้องผู้ชายคนนี้อยู่เมืองเสิ่นหยาง เป็นผู้จัดการยางมิชลิน ลงจากรถน้องเขาก็บอกว่าพี่ผมขอกอดหน่อย คงอยากขอบคุณเราที่ช่วย เราก็รู้สึกว่าเราก็เป็นส่วนเล็ก ๆ ที่ทำให้คนจีนประทับใจคนไทย ยังส่งอีเมลให้เขาดูแลตนเองแล้วก็เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ คิดในทางกลับกันถ้าดิฉันมาปักกิ่งโดยที่ดิฉันไม่เคยมาเลยแล้วจะนั่งรถจะอะไรยังไง เหมือนอย่างที่ไปเหอเฝยก็ให้เราไปคนเดียวเหมือนกัน ก็ยังนึกว่าเมื่อถึงเหอเฝยเราจะเดินทางอย่างไร ก็บังเอิญเจอสาวจีนคนหนึ่งชื่อน้องเอลล่าเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิระหว่างรอขึ้นเครื่อง ทุกวันนี้ก็ยังวีแชทกัน ก็พูดภาษาอังกฤษกันสเนค ๆ ฟิช ๆ งูๆปลาๆกัน เขาก็ถามว่าจะไปไหน ก็เลยบอกว่าจะไปมณฑลอันฮุย เขาก็บอกต้องลงเสิ่นเจิ้นก่อน เราก็บอกว่าใช่ บอกเขาว่านี่เป็นการเดินทางครั้งแรกแล้วจะไปเหอเฝยอย่างไร ช่วยเราหน่อยได้ไหม please help me! เขาก็ช่วยนะคะ เขาช่วยส่งดิฉันพาดิฉันดำเนินการจนกระทั่งเข้า ตม.ไปรอต่อเครื่อง น่ารักมาก ๆ นี่คือน้ำใจของคนจีน เขายังเป็นห่วงเราให้เบอร์มือถือของเขากับเราไว้ เขาอยู่เสิ่นเจิ้น เขามาด้วยกันสี่คนมาเที่ยวพัทยา เพราะฉะนั้นเที่ยวกลับเมื่อเราเจอน้องผู้ชายคนจีนที่มาประชุม เราก็เลยตอบแทนน้ำใจของเขาด้วยการที่เราก็เป็นเจ้าบ้านที่ดี เพราะนี่ขนาดเราเจอกันที่สุวรรณภูมิเขาก็คงสังเกตเห็นดิฉันนั่งหน้าซีเรียส ก็ถามว่าจะไปไหน เขามาถามก่อนเลยนะคะว่าจะไปไหนเหรอ ก็บอกเขา นี่คือสิ่งที่เราได้ประสบมาเองทั้งน้ำใจจากคนจีนและน้ำใจที่เรามีให้คนจีน ดังนั้น สองสิ่งนี้มันจะเชื่อมความสัมพันธ์ไทยจีนให้แน่นแฟ้นถ้าตราบใดที่สองชาติมีน้ำใจต่อกันเช่นนี้.

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040