ละครชีวิตของคุณลุงสุชาติ คุณป้าศรีกานดา ภูมิบริรักษ์สองสามีภรรยาที่ชีวิตมาโลดแล่นอยู่ในปักกิ่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จากยุคที่เพิ่งเปลี่ยนจากสาธารณรัฐจีนมาเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่กี่ปีจนถึงยุคที่จีนรุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลย์เช่นปัจจุบัน ช่วงแรกที่มาใช้ชีวิตอยู่ในปักกิ่ง ยุคนั้นคนจีนยังลำบากทั้งในแง่อาหารการกิน เครื่องแต่งกาย ข้าวของเครื่องใช้ บ้านเรือน ถนนหนทาง ทุกอย่างต่างจากปัจจุบันราวฟ้ากับดิน แต่สิ่งที่ไม่ต่างคือความขยัน ความอดทน ความเพียรพยายามที่ไม่มีวันสิ้นสุด ของพรรคคอมมิวนิสต์และประชาชนจีน จุดมุ่งหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเป็นพรรคที่เข้ามาปกครองบริหารประเทศเพียงพรรคเดียว ตั้งแต่ยุคเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีนคือ การทำให้บ้านเมืองเจริญ ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น จนถึงปัจจุบัน 95 ปีของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน 67 ปีของการปกครองประเทศเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นแน่วแน่ในจุดหมายของพรรคอย่างดียิ่ง
คุณป้าศรีกานดาเล่าไว้ในหนังสือปักกิ่งในความทรงจำว่า ระหว่างต้นทศวรรษ 1960 ฉันมาใช้ชีวิตอยู่ปักกิ่งไม่นาน ประเทศจีนก็ประสบภัยธรรมชาติอย่างหนัก อาหารและของใช้ประจำวันขาดแคลนมาก จะซื้อข้าวของต้องใช้"คูปอง"เกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร แป้งสาลี ปู ปลา เนื้อสัตว์ น้ำมัน น้ำตาล ไข่ไก่และอื่น ๆ ถ้าไม่มีคูปองจะไม่มีทางซื้อได้
ค.ศ.1960-1963 จีนประสบภัยธรรมชาติอย่างหนักเกือบทั่วประเทศ ทำให้ผลผลิตด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมลดลงไปเป็นอันมาก จนทำให้ผู้คนในหลายท้องที่ขาดแคลนเสบียงอาหารและของใช้ต่าง ๆ ผู้คนกินไม่อิ่ม จำต้องกินพืชอย่างอื่นแทนอาหารทำให้เป็นโรคหน้าบวมตัวบวมไปตาม ๆ กัน มีข่าวที่ไม่เป็นทางการว่าระยะนี้มีประชาชนจีนอดอยากเสียชีวิตประมาณ 30,000,000 คน
โดยทั่วไปแล้วคนในปักกิ่งจะได้รับคูปองสำหรับซื้ออาหารจำพวกแป้งสาลี แป้งข้าวโพดและข้าวสารคนละ 12 -17 กิโลกรัมต่อเดือน ส่วนคูปองซื้อเนื้อหมู น้ำมัน น้ำตาลและถั่วเหลืองจะได้คนละ 0.25 กิโลกรัม ไข่ไก้แต่ละครอบครัวจะได้รับ 1 กิโลกรัมต่อเดือน เป็นต้น คูปองที่ทางการจ่ายให้ประชาชนนั้นจะให้ตามเกณฑ์ของอายุ เพศและอาชีพของแต่ละคน
คูปองทุกชนิดจะจ่ายให้เฉพาะคนที่มีสำมะโนครัวในปักกิ่งเท่านั้น ส่วนคนที่มาจากถิ่นอื่นต้องไปรับเอาจากถิ่นของตนและคูปองของเมืองอื่นจะนำมาใช้ในปักกิ่งก็ไม่ได้ ถ้าจำเป็นต้องใช้ต้องไปขอเปลี่ยนเป็นคูปองอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "คูปองอาหารทั่วประเทศ" คูปองชนิดนี้ผู้คนสามารถนำไปใช้ได้ทั่วประเทศจีน
คูปองซื้อเนื้อวัว เนื้อแกะทางการจะจ่ายให้เฉพาะชาวจีนมุสลิมหรือที่เรียกว่า"ชาวหุย"เท่านั้น เพราะถือว่าชาวหุยเป็นชนชาติส่วนน้อยที่มีสิทธิพิเศษอยู่บ้าง ส่วนชาวฮั่นซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ในประเทศจีนจะได้คูปองเนื้อวัวหรือเนื้อแกะก็เฉพาะในช่วงวันตรุษวันสารทเท่านั้น
ปลาที่ขายในท้องตลาดปักกิ่งเกือบตลอดทั้งปีมีแต่ปลาดาบหรือปลาหางยาวแช่แข็งเป็นส่วนใหญ่ แต่ละครอบครัวจะได้คูปองปลาไม่เกิน 2.5 กิโลกรัมต่อเดือน สำหรับไก่โดยทั่วไปจะมีขายในวันตรุษวันสารทเท่านั้น แต่ละครอบครัวซื้อได้ไม่เกิน 2-3 ตัวขึ้นอยู่กับจำนวนไก่ในท้องตลาด
ปักกิ่งไม่มีนมสดขายในท้องตลาด นมสดมีไว้สำหรับคนไข้ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเท่านั้น..ผักสดซื้อได้ตามความต้องการและไม่ต้องใช้คูปองง แต่ผักที่ขายในท้องตลาดก็มีไม่กี่ชนิด ส่วนมากเป็นผักที่ปลูกทางภาคเหนือของจีน...ผลไม้ก็มีแต่แอปเปิลและสาลี่วางขายในท้องตลาดเกือบตลอดปี ฤดูหนาวจะมีส้มเพิ่มเข้ามา ฤดูใบไม้ร่วงจะมีองุ่นขาย ผลไม้ทุกชนิดซื้อได้โดยไม่ต้องใช้คูปอง แต่ผลไม้เมืองร้อนอย่างลำไย กล้วยหอมเหล่านี้ยังไม่มีขายในท้องตลาดปักกิ่ง
ชาวปักกิ่งไปไหนมาไหนนอจากอาศัยรถประจำทางแล้ว ส่วนใหญ่ก็นิยมใช้รถจักรยานเป็นพาหนะ เกือบทุกครอบครัวมีจักรยานของตนเองบางครอบครัวยังมีหลายคันเสียด้วย เวลากลางวันเราจะเห็นผู้คนขี่จักรยานกันเป็นแพเกือบเต็มท้องถนน นาน ๆ จะมีรถเก๋งแล่นผ่าน เพราะเวลานั้นไม่มีรถยนต์ส่วนตัวใช้กัน รถเมล์ก็มีไม่กี่สายและผู้โดยสารไม่ค่อยมากนัก สภาพทุกอย่างแตกต่างจากทุกวันนี้อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
ชาวต่างชาติที่อยู่ในปักกิ่งสมัยนั้น จะซื้อของใช้ของกินต้องไปที่ร้านมิตรภาพปักกิ่ง ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มีของกินของใช้หลายชนิดจำหน่ายโดยไม่ต้องใช้คูปอง แต่จะขายให้เฉพาะชาวต่างประเทศในปักกิ่งเท่านั้น เช่นเจ้าหน้าที่สถานทูต ชาวต่างประเทศที่เข้ามาทำงาน นักศึกษาและแขกต่างประเทศที่มาเยือน โดยทั่วไปแล้วร้านมิตรภาพปักกิ่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่ยืนยามอยู่ข้างประตูทางเข้า ทำหน้าที่คอยห้ามไม่ให้คนจีนเข้าไป ชาวต่างประเทศที่มาจากย่านเอเชียอาคเนย์ ส่วนใหญ่จะถูกสอบถามก่อนจะเข้าไป เพราะหน้าตาคล้ายคนจีน เพื่อนไทยบางคนก็เคยถูกห้ามไม่ให้เข้าไปเหมือนกัน เพราะลืมนำบัตรชาวต่างประเทศไปแสดง
ร้านอาหารในปักกิ่งเวลานั้นมีน้อยมาก ตามถนนสายเล็ก ๆ ไม่ปรากฏว่ามีร้านอาหารที่มีชื่อและใหญ่หน่อยซึ่งเปิดรับคนทั่วไปก็มีอยู่ไม่กี่แห่ง ที่เห็นอยู่ก็เฉพาะแถวถนนซีตันและถนนหวังฝูจิ่งเท่านั้น...สมัยนั้นตอนกลางคืนถนนหนทางในปักกิ่งไม่ค่อยสว่างนัก เพราะยังไม่ถึงหกโมงเย็นร้านรวงต่าง ๆ ก็ปิดแล้ว ถ้ามองลงมาจากเครื่องบินจะเห็นตัวเมืองอยู่ในความมืด ไม่สว่างไสวเหมือนเมืองที่เจริญแล้ว
ภายหลังเมื่อ"การปฏิวัติใหญ่ทางวัฒนธรรม"ของจีนสิ้นสุดลงในเดือนตุลาคม ค.ศ.1976 รัฐบาลจีนก็เริ่มอนุญาตให้ประชาชนค้าขายส่วนตัวได้ ยอมให้ชาวนาขายผลผลิตของตนเองได้อย่างเสรี เครื่องอุปโภคบริโภคจึงมีขายในท้องตลาดปักกิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ คูปองที่เคยใช้กันอยู่ก็ค่อย ๆ ยกเลิกไปทีละอย่างสองอย่าง ประมาณกลางทศวรรษ 1980 คูปองที่เคยใช้กันอยู่ในท้องตลาดปักกิ่งและทั่วประเทศจีนกว่า 20 ปี ก็ถูกประกาศยกเลิกไป
ก่อนต้นทศวรรษ1980 จีนยังไม่ได้ดำเนินนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศ ผู้คนที่มาเยือนปักกิ่งมักจะซื้อข้าวของนำติดตัวมากเพื่อใช้เองบ้าง เป็นของขวัญสำหรับญาติมิตรบ้าง โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นโทรทัศน์สี เครื่องอัดเสียงและตู้เย็น....แต่ทุกวันนี้ผู้คนจากต่างประเทศไปเยือนปักกิ่ง มักจะซื้อข้าวของจากปักกิ่งนำติดตัวกลับไป เพราะเห็นว่าสินค้าในจีนคุณภาพใช้ได้และราคาถูก
ปักกิ่งในปัจจุปันพัฒนามาเป็นมหานครที่ทันสมัย เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า ถนนหนทางยวดยานความทันสมัยทุกอย่างรวมอยู่ที่นี่ จะกินอะไรจะซื้อหาอะไรจะใช้อะไรไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนที่นี่ ทั้งนี้เพราะความมุงมั่นเอาจริงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
วันที่ 1 กรกฎาคมปีนี้เป็นวันครบ 95 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เมื่อเริ่มแรกก่อตั้งพรรคฯมีสมาชิกเพียง 50 กว่าคนจนถึงปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 88 ล้านคน
นายสี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานาธิบดี และประธานคณะกรรมการการทหารกลางได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานฉลอง 95 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งจัดขึ้นที่มหาศาลาประชาชนกรุงปักกิ่ง โดยเน้นว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนดำเนินมา 95 ปี สมาชิกทั้งหลายต้องรักษาเจตนารมณ์การต่อสู้และความขยันตั้งแต่สมัยเพิ่งก่อตั้งพรรคฯ ขึ้นมาใหม่ๆ ตลอดไป และรักษาความมีน้ำใจต่อประชาชนตลอดไป ใช้ความพยายามสู่อนาคต เผชิญกับการท้าทาย ไม่ลืมความคิดตั้งแต่ต้น ก้าวหน้าต่อไป ปฏิรูปและคิดสร้างนวัตกรรมอย่างมีความกล้าหาญ รักษาความยืดหยุ่น ไม่หยุดการเดินทาง พยายามประสบผลสำเร็จมากขึ้นเพื่อประวัติศาสตร์และประชาชน
นายสี จิ้นผิงกล่าวว่า ประวัติศาสตร์ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และไม่รอคอยผู้ลังเล ผู้เฝ้าคอย ผู้เกียจคร้าน และผู้อ่อนแอแต่อย่างใด มีแต่ก้าวหน้าตามจังหวะของประวัติศาสตร์ และร่วมชะตากรรมกับยุคสมัย จึงมีอนาคตที่สดใสได้
ขอให้สมาชิกพรรคฯ รักษาสืบสานเจตนารมณ์การต่อสู้เฉกเช่นสมาชิกพรรคฯ รุ่นบุกเบิก และซื่อสัตย์ต่อประชาชนตลอดไป อย่าลืมหนทางที่เคยเดินมา ไม่ว่าเดินไกลไปถึงไหน อนาคตจะสดใสอย่างไร ก็ไม่ควรลืมอดีตที่ผ่านมา สมาชิกพรรคฯ ทั้งปวงต้องยืนหยัดมุ่งมั่นก้าวหน้าต่อไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------------