อินทนิล อินไชน่า : ศูนย์เด็กเล็กก่อนอนุบาลในจีน
  2016-09-27 11:13:49  cri

ในปักกิ่งมีศูนย์เด็กเล็กก่อนอนุบาลอยู่มากมายกระจายอยู่ตามย่านชุมชนต่าง ๆ เกือบทั้งหมดเป็นของเอกชน มีตั้งแต่ขนาดเล็กที่อาจจะใช้บ้านของตัวเองเปิดเป็นศูนย์ดูแลเด็กเล็กหรือไปเช่าบ้านในย่านชุมชนขนาดใหญ่แล้วเปิดกิจการ จนกระทั่งถึงศูนย์ขนาดใหญ่ที่มีสถานที่ใหญ่โตโอ่โถงแยกออกไปต่างหาก มีสนามมีเครื่องกีฬาเครื่องดนตรีของเล่นตลอดจนครูที่มีความรู้ความสามารถมีมาตรฐานสากล สนนราคาในการรับเลี้ยงดูเด็กก็จะแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ศูนย์เหล่านี้มีเหมือนกันคือการดูแลเด็กเล็กฝึกสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ฝึกให้เด็กปรับตัวเข้าสังคมเพื่อน ๆ ช่วยพัฒนาสมองเตรียมความพร้อมให้เด็กก่อนที่จะเข้าอนุบาลหรือแม้กระทั่งชั้นประถมศึกษาต่อไป

คุณสี่ว์ ผิงผิง คุณแม่ของเด็กชายวัยเกือบสามขวบเล่าให้ฟังว่าหลังส่งลูกไปศูนย์ดูแลเด็กเล็กก่อนอนุบาลสังเกตว่าลูกมีพัฒนาการดีขึ้นมากในทุก ๆ ด้าน อย่างเรื่องสุขภาพ ทางศูนย์จะมีสนามมีเครื่องกีฬาชนิดต่าง ๆ อย่างง่าย ๆ คือฝึกให้เด็กไต่ ปีนขึ้นที่สูงเพื่อที่จะรู้จักระวังตัวเอง รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ที่สูงมีอันตราย ไปถึงตรงไหนจะเสี่ยง เป็นการฝึกให้เด็กใช้มือใช้เท้าไปพร้อม ๆ กัน เพราะคนปักกิ่งตั้งแต่เด็กจนถึงคนชราจะเคยชินว่าต้องใส่ถุงเท้าตลอดเวลาตลอดปีไม่ให้เท้าสัมผัสกับอากาศเย็นจัดร้อนจัด จะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ พอไปไทยเห็นเด็กเล็กไม่ได้ใส่ถุงเท้าเดินวิ่งด้วยเท้าเปล่าไม่เห็นเป็นอะไร แถมอยู่ในบ้านเปิดแอร์เย็นจัดก็ไม่เห็นต้องใส่ถุงเท้า เมื่อพาลูกไปที่ศูนย์ดูแลเด็กเล็กซึ่งเขาได้รับความรู้จากต่างประเทศมาเขาก็จะบอกกับพ่อใหม่แม่ใหม่ว่าเด็กไม่จำเป็นต้องใส่ถุงเท้า พอพ่อแม่ส่งลูกมาศูนย์ฯทางศูนย์ก็จะให้เด็กถอดถุงมือถุงเท้าออกแล้วให้เดินให้ปีนให้ไต่ด้วยมือเปล่าเท้าเปล่า ให้มือให้เท้าได้สัมผัสกับสิ่งของต่าง ๆ ให้ประสาทสัมผัสได้พัฒนาไปด้วย นอกจากนี้ยังฝึกให้เด็กว่ายน้ำ คิดเลขแบบสนุก ๆ ฝึกเล่นดนตรีพวกกู่เจิง ขิม สอนร้องเพลงเต้นรำเพื่อทำให้เด็ก ๆ อารมณ์ดี

เวลาในการส่งเด็กเล็กไปศูนย์จะไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นเด็กเล็กอายุไม่เกิดหนึ่งขวบจะส่งไปศูนย์ในช่วง 10.30น.-11.00น. ถ้า 2-3ขวบก็จะอยู่ในช่วง 09.00น.-10.00น. ถ้า 5ขวบขึ้นไปก็ไปในช่วง 11.00น.-12.00น.

ศูนย์ฯขนาดใหญ่จะมีการติดตั้งกล้องไว้ตามจุดตามมุมต่าง ๆ ของห้อง เมื่อพ่อแม่ลงทะเบียนกับศูนย์แล้วก็ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเท่านี้ก็สามารถดูลูกได้ตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นศูนย์แบบครอบครัวหรือขนาดเล็กเครื่องมือก็ไม่ทันสมัยเท่านี้ เวลาเด็กออกกำลังกาย เรียนวาดภาพ เรียนเต้นรำทางศูนย์ก็จะถ่ายรูปแล้วก็ส่งไปในคิวคิวหรือวีแชทของกลุ่ม พ่อแม่ก็ไปติดตามดูเอา บางทีเกิดเด็กตีกัน เด็กบางคนแย่งของเล่นไม่ได้ก็ไปกัดไปหยิกเพื่อน ครูก็จะบอกพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายไม่ปิดบังทำให้พ่อแม่สบายใจ

ถ้าเด็กมีอาการไข้เล็กน้อยทางศูนย์จะให้เด็กดื่มน้ำเปล่าแล้วก็จะมียาสมุนไพรจีนที่ชื่อว่าปันหลิงเกินที่คนจีนเชื่อว่าเป็นยาช่วยแก้ร้อนในสามารถช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้ด้วย ถ้ามีอาการไข้เล็กน้อยครูก็มักจะให้กินยาสมุนไพรชนิดนี้ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการ เพราะบางทีตอนเช้าถ้าเด็กดื่มน้ำน้อยตอนเที่ยงแม้เด็กหลับระบบย่อยอาหารของร่างกายก็ยังทำงานอยู่ซึ่งก็จะมีเหงื่อออกมาเยอะ พอตื่นมาตัวก็จะร้อน ถ้าครูไม่มีประสบการณ์เวลาไปจับตัวเด็กก็จะตกใจว่าตัวร้อน แต่จริง ๆ เมื่อเด็กตื่นแล้วให้ดื่มน้ำก็จะดีขึ้นไม่มีปัญหา แต่ถ้าตัวร้อนจัดวัดปรอทแล้วสูงขนาด 38-39 ครูก็จะรีบแจ้งให้พ่อแม่ไปรับลูกกลับบ้านหรือไปโรงพยาบาล

ด้านอาหารการกินศูนย์จะเตรียมให้วันละ 3 มื้อ ทั้งเช้าเที่ยงเย็น นอกจากนี้ยังมีผลไม้และโยเกิร์ตให้ในช่วงเช้าและช่วงบ่ายอีก ถ้าเป็นศูนย์ฯขนาดใหญ่จะเก็บค่าอาหารวันละ 30 หยวนหรือประมาณ 150 บาท ขนาดเล็กราคาก็ถูกลง แต่เท่าที่สัมผัสมา 3 – 4 แห่งทุกแห่งมีมาตรฐานดีทีเดียวทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองไว้วางใจ

ศูนย์ดูแลเด็กเล็กส่วนใหญ่จะมีเว็บไซต์ของทางศูนย์ พ่อแม่สามารถติดตามข้อมูลโดยเฉพาะความคิดเห็นของพ่อแม่ที่ส่งลูกมาที่ศูนย์เพื่อเป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจ

คุณผิงผิงเล่าว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือลูกเป็นระเบียบขึ้น แล้วมีการแสดงออกที่ดีขึ้น อย่างเช่นเมื่อวานไปรับลูกพอจูงมือลูกเดินออกจากศูนย์อยู่ ๆ ลูกก็พูดว่า"ขอบคุณมากครับคุณแม่ ขอบคุณที่มารับหนูกลับบ้าน " เราก็บอกว่า "ลูกแม่มารับลูกมันก็เป็นหน้าที่ ลูกไม่ต้องของคุณแม่หรอก" แต่ลูกก็บอกว่า "หนูต้องขอบคุณแม่เพราะหนูคิดถึงแม่" คือรู้สึกว่าตอนนี้เขาสามารถแสดงออก เมื่อกลับถึงบ้านเขาเอาของเล่นมาเล่นแล้วเก็บเองอย่างเป็นระเบียบ แล้วก็มาบอกเราว่า "คุณแม่ครับหนูขอเต้นรำกับคุณแม่ได้ไหม เขาก็มาจูงมือเราไปเต้นรำ เขาเต้นรำไปแล้วก็ร้องเพลงไปด้วย คือทำเหมือนที่ครูสอน เราก็ถามว่าวันนี้ครูที่ศูนย์สอนเต้นรำใช่ไหม เขาก็บอกว่าใช่ สังเกตุว่าพอไปศูนย์แล้วเขาพัฒนาได้เร็วกว่า " เด็กบางคนขวบถึงขวบครึ่งพอเข้าไปที่ศูนย์ยังกินข้าวเองไม่ได้ เข้าไป 2 – 3 วันก็กินข้าวเองได้แล้ว เคยไปเห็นวันแรกที่ไปยังกินข้าวเองไม่ได้ ครูจะปล่อยให้กินเอง 2 – 3 คำเมื่อเห็นว่ายังไม่ได้ก็เข้าไปช่วยแล้วก็สอน เด็กเองเมื่อเห็นเพื่อนทำได้ ก็คงอยากทำได้เหมือนเพื่อนทำให้เขาพัฒนาได้เร็ว

ลูกดิฉันเริ่มใช้ตะเกียบตอนอายุหนึ่งขวบแปดเดือน แต่พอใช้ไปสักระยะเขาไม่อยากใช้ เขารู้สึกว่าใช้ช้อนจะเร็วกว่าก็หันมาใช้ช้อน จริง ๆ ดิฉันอยากให้เขาใช้ตะเกียบ แต่คุณปู่คุณย่าห่วงว่าตะเกียบยาวแหลมกลัวจะไปแทงจมูกปากตา ก็เลยต้องรอให้โตกว่านี้

คนปักกิ่งเดิมทีไม่มีความเคยชินในการจ้างพี่เลี้ยงมาเลี้ยงเด็ก พอมีเด็กปู่ย่าตายายจะมาช่วยเลี้ยง ปัจจุบันมีการจ้างพี่เลี้ยงมือออาชีพที่ผ่านการฝึกอบรมและมีประสบการณ์มาดูแลแต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง บางทีสูงกว่าเงินเดือนรายได้ของพ่อแม่เด็กเสียอีก จนทำให้คนส่วนหนึ่งเวลาจะมีลูกคนแรกหรือบางทีคนที่สองก็ต้องตัดสินใจลาออกจากงาน ช่วง3-4ปีไม่ต้องทำงานออกมาเลี้ยงลูกดีกว่าไปจ้างเขา เพราะค่าจ้างพี่เลี้ยงมือออาชีพอยู่ที่เดือนละ 6,000 – 12,000หยวนหรือประมาณ 30,000 – 60,000 บาทอันนี้เป็นมาตรฐานทั่วไป ที่สูงกว่านี้ก็ยังมี ขณะที่การส่งลูกไปที่ศูนย์ดูแลเด็กก่อนอนุบาล ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่เดือนละประมาณ 2,000 – 5,000 หยวน จ่ายถูกกว่าแถมลูกยังมีโอกาสพัฒนาตนเองปรับตัวเข้ากับเพื่อนได้มากกว่า จึงถือว่าเป็นทางเลือกของพ่อแม่คนทำงานยุคใหม่ที่วางใจได้ นับเป็นธุรกิจที่มีอนาคตสดใสไม่แพ้ธุรกิจการรับเลี้ยงดูคนชรา

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040