ในการแถลงนโยบายและแผนงานของรัฐบาลประจำปี 2560 ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560 นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่าจะเดินหน้าปฏิรูปด้วยการตัดสาม ลดหนึ่ง เสริมหนึ่ง
ตัดสามคือ
1. ตัดกำลังการผลิต โดยตัดกำลังการผลิตเหล็กกล้าอีก 50 ล้านตัน ตัดกำลังการผลิตถ่านหินกว่า 150 ล้านตัน ตัดหรือชะลอโครงการไฟฟ้าพลังถ่านหินกว่า 50 ล้านกิโลวัตต์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะล้นตลาดและส่งเสริมพลังงานสะอาด
2. ตัดสินค้าคงคลัง ขณะนี้ยังมีบ้านในเมืองระดับสามสี่(เมืองขนาดเล็กและขนาดย่อม)ที่ยังขายไม่ออกอยู่มาก ควรสนับสนุนความต้องการในการซื้อบ้านของชาวเมืองและผู้ที่ย้ายเข้าไปอยูในเมืองนั้น ๆ
3. ตัดหนี้ เดินหน้ากระบวนการรัดเข็มขัดอย่างจริงจังและเหมาะสม มุ่งตัดหนี้ของผุ้ประกอบการให้ต่ำลง (ปีที่แล้วหน่วยงานราชการในจีนถูกตัดงบประมาณโดยถ้วนทั่ว บางหน่วยถูกตัดถึง 40 เปอร์เซ็นต์ )
ลดหนึ่งคือลดต้นทุนด้วยมาตรการที่หลากหลาย เพื่อบรรเทาภาระของผู้ประกอบการจีน สร้างความเหนือกว่าด้านการแข็งขัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเสียสละผลประโยชน์ส่วนน้อยเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
เสริมหนึ่งคือเสริมจุดอ่อนให้เข้มแข็งอย่างตรงจุดตรงประเด็น เร่งดำเนินโครงการสำคัญ ๆ ให้เร็วขึ้น ทั้งการบริการสาธารณะ โครงสร้างพื้นฐาน การสร้างสรรค์ใหม่ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
นายหลี่ เค่อเฉียงย้ำว่าจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดในการสร้างสังคมพอกินพอใช้ทุกด้านของจีนคือพื้นที่ยากจนและประชาชนยากจน จึงต้องดำเนินนโยบายช่วยผู้ยากจนให้พ้นจากความยากจน โดยมีเป้าหมายว่าปีนี้จะลดผู้ยากจนในชนบทอีกกว่า 10 ล้านคน อพยพผู้ยากจนออกจากพื้นที่ยากจน 3.4 ล้านคน โดยจัดสรรงบประมาณกลางเพื่อการนี้เพิ่มขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
จีนตั้งเป้าหมายลดประชากรยากจนปีละ 10 ล้านคน โดยเริ่มตั้งแต่ ปี 2557 เป็นต้นมา และสามารถดำเนินการได้สูงกว่าเป้าทุกปี อย่างเมื่อปีที่แล้ว สามารถลดประชากรยากจนในชนบทได้ถึง 12.40 ล้านคน มาตรการอย่างหนึ่งคือการย้ายประชากรออกจากพื้นที่ที่ยากแก่การทำมาหากิน โดยปีที่แล้วมีการย้ายประชากรเพื่อแก้ปัญหาความยากจนถึง 2.40 ล้านคน จนถึงปัจจุบันจีนมีประชากรยากจนประมาณ 40 ล้านคน และตั้งเป้าให้คนเหล่านี้หลุดพ้นจากความยากจนภายในปี 2563
นายหลิว หย่งฟู่ ผู้อำนวยการสำนักงานช่วยเหลือผู้ยากจน คณะรัฐมนตรีจีน เผยว่าขณะนี้พื้นที่ต่าง ๆ ของจีนได้กำหนดตารางเวลาในการแก้ไขปัญหาความยากจนโดยกำหนดมาตรฐานคือจำนวนผู้ยากจนในอำเภอและหมู่บ้านลดเหลือไม่เกินร้อยละ 2 ประชาชนยากจนต้องมีกินมีใช้ ได้รับการศึกษาภาคังคับ การรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานและมีที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย มีวิธีแก้ไขปัญหาความยากจนหลายวิธีทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น การย้ายประชากรออกจากพื้นที่ การส่งออกแรงงานและพัฒนาระบบนิเวศ แต่ทิศทางหลักคือการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นเพื่อเพิ่มรายได้ของประชาชน โดยหลังจากอำเภอ หมู่บ้านและครอบครัวยากจนในปัจจุบันหลุดพ้นจากความยากจนแล้ว ก่อนปี 2563 พื้นที่เหล่านี้ยังคงได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลต่อจนกระทั่งมั่นใจว่าประชากรเหล่านี้จะไม่กลับไปยากจนอีก
จีนกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาความยากจนเมื่อ 31 ปีก่อน ขณะนั้นมีประชากรยากจน 125 ล้านคน เท่ากับว่าจนถึงขณะนี้คนเคยจนได้สลัดความจนทิ้งไปได้กว่า 80 ล้านคนแล้ว ที่เหลือก็คงจะสลัดไปได้ภายในปี 2563 ขณะนี้ทั่วโลกต่างยกย่องและเรียนรู้ประสบการณ์จากจีนในการแก้ไขปัญหาความยากจน นอกจากความตั้งใจจริงของรัฐบาลแล้ว การเมืองที่มั่นคงและเศรษฐกิจที่เข้มแข็งก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาลจีนสามารถแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนได้ง่ายขึ้น
ศาสตราจารย์หวัง อี้เหวย สถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเหรินหมิน สะท้อนความคิดเห็นเกี่ยวกับการประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติและสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนซึ่งจัดการประชุมประจำปีในช่วงต้นเดือนถึงกลางเดือนของทุกปี ที่เรามักเรียกกันสั้น ๆ ว่าการประชุมสองสภา เอาไว้อย่างน่าคิดว่า "การเมืองจีนเริ่มตั้งแต่การประชุมสองสภา การเชื่อมต่อกับทั่วโลกทุกด้านของจีนก็เริ่มตั้งแต่การประชุมสองสภา การประชุมสองสภาจะแสดงความได้เปรียบของระบอบการเมืองจีนแก่ทั่วโลก การประชุมสองสภากำลังยกระดับจากการแสดงนโยบายจีนเป็นการแสดงระบบการบริหารของจีนที่มีความสำคัญต่อการเมืองทั่วโลก การประชุมสองสภาเปลี่ยนหน้าที่จาก"หน้าต่างชาวต่างชาติเข้าใจจีน""หน้าต่างติดตามจีน"และ "หน้าต่างคาดหมายจีน" มาเป็น "หน้าต่างแสดงระบอบการเมืองจีน"
ในวันเปิดประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนปีหน้า มาติดตามกันว่าตัดสาม ลดหนึ่ง เสริมหนึ่งของจีนสัมฤทธิ์ผลมากน้อยเพียงใด หรือใครจะนำหลักตัดสาม ลดหนึ่ง เสริมหนึ่งไปปรับใช้บ้างก็น่าจะเข้าที เผื่อชีวิตจะได้ลงตัวขึ้นไปอีก