"กว่างโจว" เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ปากแม่น้ำจูเจียงของจีนมานานกว่า 2,800 ปี เป็นเมืองเอกของมณฑลกว่างตงหรือกวางตุ้ง เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญบนเส้นทางสายไหมทางทะเลในสมัยโบราณ และเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญยิ่งของข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ในทุกวันนี้
วันที่ 2-8 กรกฎาคมที่ผ่านมา สื่อมวลชนกระแสหลักของประเทศรายทาง "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" จำนวน 50 คน จาก 12 ประเทศได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน เนปาล มองโกเลีย เวียดนาม และเกาหลีใต้ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมเมืองกว่างโจว เพื่อสัมผัสกับความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ตลอดจนพัฒนาการด้านเศรษฐกิจเทคโนโลยี
จุดเริ่มต้นของเมืองกว่างโจวเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 203 ก่อนคริสต์ศักราช เมื่อแม่ทัพนายหนึ่งนามว่า เจ้า ถัว ประกาศตั้งเขตแดนทางใต้ของเทือกเขาฉิน หลิ่งเป็นรัฐอิสระ โดยใช้ชื่อว่า "หนานเยว่" และตั้งเมือง "ฟานอวี๋" หรือก็คือเมืองกว่างโจวในปัจจุบันเป็นเมืองหลวง
กาลเวลาผ่านไป 2,000 ปี ล่วงจน ค.ศ. 1995 ถึง 1997 ขณะที่กว่างโจวกำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอยู่นั้น ก็ได้มีกรรมกรจำนวนหนึ่งบังเอิญขุดพบซากสระน้ำหินโบราณขนาดใหญ่ ไม่ใกล้ไม่ไกลยังพบซากพระราชวังของกษัตริย์หนานเยว่ การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นการเปิดประตูการศึกษาวิจัยประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์หนานเยว่เป็นครั้งแรก ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นกว่างโจวเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ให้ความสำคัญกับการค้นพบดังกล่าวด้วยการประกาศจัดตั้งพิพิธภัณฑ์กษัตริย์หนานเยว่ (Nanyue King Museum) ขึ้นในปี ค.ศ. 2000 เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับประชาชน ปัจจุบันการขุดค้นในพื้นที่ดังกล่าวยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่น่าสนใจในระหว่างการขุดค้นซากพระราชวังกษัตริย์หนานเยว่ก็คือข้าวของเครื่องใช้ในราชวงศ์ต่าง ๆ ของจีนที่มีถึง 12 ราชวงศ์ด้วยกัน อาทิ ราชวงศ์ฉิน ฮั่น ถัง ซ่ง หยวน ฯลฯ นักโบราณคดีขุดพบสิ่งของเหล่านี้ที่เนินดินขนาดใหญ่ความสูง 5 เมตร เนินดินที่ว่ามีลักษณะเป็นชั้น ๆ แบ่งตามราชวงศ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เปรียบเสมือนหนังสือประวัติศาสตร์กว่างโจวที่ไร้ตัวอักษร นอกจากนี้ การขุดพบโบราณวัตถุ เช่น เสา อิฐ เครื่องกระเบื้อง เครื่องปั้นดินเผาซึ่งต่างก็มีลวดลายและร่องรอยของอารยธรรมเปอร์เซีย ยังสามารถกล่าวได้ว่ากว่างโจวเคยทำการติดต่อกับโลกภายนอกเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน
สำหรับซากสระน้ำหินที่กล่าวไปข้างต้นนั้น อันที่จริงแล้วเป็นเพียงสิ่งก่อสร้างส่วนหนึ่งภายในสวนหย่อมของกษัตริย์หนานเยว่ จากการสันนิษฐานของนักโบราณคดี คาดว่าสวนแห่งนี้เคยมีการเพาะปลูกพืชพันธุ์นานาชนิด และมีการเลี้ยงสัตว์ อาทิ เต่าและกวาง มาก่อน ส่วนน้ำที่ไหลลงมาลงสระและลำคลอง ก็มีต้นกำเนิดมาจากภูเขาไป๋หยุนซาน และมีจุดหมายปลายทางเป็นแม่น้ำจูเจียง การวางผังขุดคูคลองโดยอาศัยหลักของแรงโน้มถ่วงโลกนั้น แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพของชาวจีนในสมัยโบราณได้เป็นอย่างดี