กัว โม่โรว กับเหลาเส่อ

กัว โม่โรว เข้าร่วมกับพรรคมิวนิสต์แห่งประเทศจีนในปี 1927 ซึ่งมีส่วนในการก่อสาขาพรรคที่หนานชาง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จึงต้องหนีกลับไปประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง และคราวนี้นานเป็นเวลาถึง 10 ปี เลยทีเดียว โดยช่วงนั้นเขาก็ได้ศึกษาประวัติศาสตร์โบราณของจีนอย่างลึกซึ้งไปด้วย และในระหว่างนี้ได้ตีพิมพ์ผลงานด้านประวัติศาสตร์ 2 เล่มซึ่งมีเนื้อหาในการอธิบายหลักการของลัทธิคอมมิวนิสต์ และวิพากษ์สังคมแบบเก่าของจีนว่าเป็น "สังคมทาส" แลทฤษฎีนี้ของเขาก็ได้รับการพูดถึงและโต้แย้งอย่างมาก แต่ก็ได้รับการชื่นชมและยอมรับจากทั้งเหมา เจ๋อตง และสมาชิกพรรคฯ ด้วย

ในฤดูร้อนปี 1937 เมื่อเหตุการณ์สะพานมาร์โค โปโล ปะทุขึ้น กัว โม่โรว ได้เดินทางกลับมายังประเทศจีนเพื่อเข้าร่วมสงครามต่อต้านจักวรรดินิยมญี่ปุ่น เขาพยายามพาภรรยาและลูกเดินทางมาด้วย แต่ถูกขัดขวางโดยทางการญี่ปุ่น และต่อมาในปี 1939 เขาก็แต่งงานอีกครั้งกับนักแสดงเซี่ยงไฮ้ชื่อ ยูว์ ลี่ฉุน แต่ภายหลังที่สงครามสงบเสร็จสิ้น ซาโต โทมิโกะ ได้เดินทางมาหาเขา แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่า กัว โม่โรว มีครอบครัวใหม่ไปแล้ว

ในภายหลังเมื่อมรสุมการเมืองสงครามเสร็จสิ้นไปหมดแล้ว กัว โม่โรว ยังได้ชวนลูกที่เกิดกับ ซาโต โทมิโกะ เดินทางมาทำงานในสาธารณะรัฐประชาชนจีนในตำแหน่งสำคัญ และดูเหมือนลูกๆ ทั้งหลายของเขาจะดำเนินตามรอยเท้าพ่อด้วย เพราะหลายคนได้กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ลูกสาวคนหนึ่งของเขาก็เป็นนักเขียนด้วยเช่นกัน

ขณะที่เขายังคงทำงานให้สาธารณรัฐประชาชนจีน เขาก็ยังผลิตผลงานเขียนออกมาจำนวนมาก และไม่เพียงแค่บทกวีเท่านั้น หากแต่ยังรวมทั้งวรรณกรรมในรูปแบบอื่นๆ ด้วย อีกทั้งยังเขียนบทละครเวที อัตชีวประวัติ งานแปล บทความทางประวัติศาสตร์และปรัชญา