ปีนี้ครบรอบ 70 ปีที่เขตทิเบตได้รับการปลดปล่อยอย่างสันติ เมื่อ 70 ปีก่อน เขตทิเบตมีสถานให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนขนาดเล็กที่มีเครื่องมืออุปกรณ์ง่ายๆเพียง 3 แห่ง และมีคลินิกเอกชนจำนวนน้อย
แต่ตลอด 70 ปีมานี้ เขตทิเบตได้รับการพัฒนาและจัดตั้งระบบดูแลรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นมาก ซึ่งประกอบด้วยระบบการรักษาพยาบาล ระบบดูแลรักษาสุขภาพของสตรีและเด็ก ระบบป้องกันและควบคุมโรค การแพทย์และยาสมุนไพรของเขตทิเบต เป็นต้น การรักษาพยาบาลของเขตทิเบตได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
เมืองน่าฉี่ว์ ทางเหนือของที่ราบสูงทิเบต เคยเป็นพื้นที่ที่ระบบการรักษาพยาบาลค่อนข้างอ่อนแอ เมื่อเร็วๆนี้ ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางของจีน(ซีเอ็มจี)ได้เดินทางไปทำข่าวที่เมืองน่าฉี่ว์ และเห็นถึงการพัฒนาเปลี่ยนแปลงด้านการรักษาพยาบาลของที่นั่น
สถานพยาบาลประจำตำบลเซ่อชิ่ง อำเภอเนี่ยหรง เมืองน่าฉี่ว์ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 4,800 เมตร ตอนที่ผู้สื่อข่าวไปถึง ที่นี่กำลังจัดการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กจากหมู่บ้านซานชุน
นางรื่อจู มีลูก 2 คน คุณหมอชื่อเหรินจี๋ ของสถานพยาบาลแห่งนี้เป็นผู้ทำคลอดบุตรทั้งสองของเธอ ด้วยเหตุนี้ ทุกครั้งที่ได้พบคุณหมอชื่อเหรินจี๋ นางรื่อจูจะรู้สึกเหมือนได้พบสมาชิกครอบครัว
ปีนี้ คุณหมอชื่อเหรินจี๋อายุ 48 ปี เธอทำงานในคลินิกแห่งนี้มาเป็นเวลา 24 ปีแล้ว เธอบอกว่า ตอนที่คลินิกแห่งนี้ตั้งขึ้นใหม่เมื่อช่วงทศวรรษ 1980 มีแพทย์เพียง 4 คน พวกเขาไม่สามารถรักษาผู้ป่วยที่มีอาการหนักหรือตกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน บวกกับการคมนาคมในเวลานั้นไม่สะดวก ผู้ป่วยดังกล่าวไม่สามารถไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่ห่างไกลได้
เวลานั้น พี่สาว 2 คนของคุณหมอชื่อเหรินจี๋ต่างเสียชีวิตไปเนื่องจากการคลอดบุตร ด้วยเหตุนี้ เมื่อเธอได้เป็นแพทย์แล้ว ความปรารถนาของเธอคือ ช่วยให้สตรีที่มีครรภ์ในเขตปศุสัตว์สามารถคลอดบุตรได้อย่างปลอดภัย
หลายปีมานี้ เขตทิเบตได้ใช้มาตรการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการตั้งระบบการรักษาพยาบาลความร่วมมือระหว่างอำเภอกับตำบลต่างๆ และการตระเวนให้การบริการรักษาพยาบาล เป็นต้น เพื่อผลักดันให้พื้นที่ต่างๆของเขตทิเบตสามารถเข้าถึงทรัพยากรการรักษาพยาบาลคุณภาพดี ปัจจุบันความปรารถนาของคุณหมอชื่อเหรินจี๋กำลังประจักษ์เป็นจริงขึ้น
ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา พร้อมกับการจัดทีมบุคลากรการแพทย์ช่วยเหลือเขตทิเบต และการจับคู่ช่วยเหลือระหว่างโรงพยาบาลพื้นที่พัฒนาแล้วกับโรงพยาบาลท้องถิ่นของเขตทิเบต ให้โรงพยาบาลที่มีการพัฒนาก้าวหน้ากว่ารับหน้าที่ช่วยพัฒนาแผนกต่างๆในโรงพยาบาลเขตทิเบต เช่น แผนกโรคหัวใจและหลอดเลือด แผนกสูตินรีเวช และแผนกกุมารเวช
ด้วยการชี้นำของคณะผู้เชี่ยวชาญที่เดินทางไปช่วยเหลือเขตทิเบต คุณหมอชื่อเหรินจี๋ได้เรียนรู้การใช้เครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยต่างๆ เช่น เครื่องตรวจอัลตร้าซาวน์บีสแกน และให้ความสำคัญในการตรวจสตรีมีครรภ์ เพื่อประกันสุขภาพและความปลอดภัยของแม่ลูกตั้งแต่ต้น
การจัดกลุ่มบุคลากรการแพทย์จากเมืองใหญ่ไปให้ความรู้คำแนะนำและการสนับสนุนจากรัฐบาลส่วนกลางในการจัดสรรงบพัฒนาการรักษาพยาบาลเหล่านี้ ทำให้การรักษาพยาบาลของเขตทิเบตได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน สถานพยาบาลประจำตำบลเซ่อชิ่งมีแพทย์และพยาบาลจำนวน 10 คน เมื่อปี 2020 จำนวนเตียงผู้ป่วยของที่นี่ได้เพิ่มขึ้นอีก 7 เตียง นอกจากนี้ มีการปรับปรุงสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่ผู้ป่วยต่อเนื่องด้วย
นางชื่อเหรินไป๋หม่า ผู้อำนวยการสถานพยาบาลประจำตำบลเซ่อชิ่ง อำเภอเนี่ยหรง เมืองน่าฉี่ว์ ระบุว่า สถานพยาบาลของเราผสมผสานการแพทย์แผนทิเบตกับแผนตะวันตกเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีห้องตรวจอัลตร้าซาวด์ ห้องให้น้ำเกลือ ห้องฉีดวัคซีน และห้องคอมพิวเตอร์บันทึกข้อมูลการฉีดวัคซีนต่างๆพร้อมแล้ว เมื่อก่อนที่ยังไม่มีนั้น สตรีที่มีครรภ์ต้องเดินทางไปสแกนที่โรงพยาบาลระดับอำเภอเท่านั้น
ตอนนี้ สถานพยาบาลประจำตำบลเราพัฒนาขึ้น การบริการต่าง ๆ ของเราก็ดีขึ้น ที่นี่ยังมีรถปฐมพยาบาลและรถพยาบาลเคลื่อนที่ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อคุณหมอไปให้การรักษาพยาบาลตามหมู่บ้านต่างๆ และให้ผู้ป่วยที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
ชาวบ้านคนหนึ่งจากตำบลเซ่อชิ่งเล่าว่า ปัจจุบัน อุ่นใจขึ้นมาก เพราะสถานพยาบาลมีแพทย์อยู่เวรตลอด 24 ชั่วโมง มีหมอรักษาพยาบาลทุกเมื่อ ซึ่งต่างกับเมื่อก่อนมาก
นางหนีหม่าเต๋อจี๋ ผู้ช่วยนายอำเภอเนี่ยหรง เมืองน่าฉี่ว์ ระบุว่า อำเภอเรามี 10 ตำบล 10 สถานพยาบาล ซึ่งในภาพรวมแล้วต่างมีแผนกสำคัญครบ ยาและเครื่องอุปกรณ์ต่างก็ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ สถานพยาบาลเหล่านี้ยังสามารถรักษาโรคเรื้อรังต่างๆได้อีกด้วย
ปัจจุบัน ทุกตำบลของเขตทิเบตต่างมีสถานพยาบาลประจำ แต่ละแห่งมีเจ้าหน้าที่รักษาพยาบาลเฉลี่ย 7 คน นอกจากนี้ มีหมู่บ้านจำนวน 5,277 แห่งมีสถานีอนามัย โดยได้บรรลุเป้าหมายรักษาโรคอาการเบาภายในตำบลได้ เครือข่ายการรักษาพยาบาลได้ครอบคลุมทั้งชนบทและเมืองต่างๆของเขตทิเบต
ด้วยเหตุนี้ สุขภาพของประชาชนบนที่ราบสูงได้รับการยกระดับสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อายุเฉลี่ยของชาวทิเบตได้เพิ่มจาก 35.5 ปีเมื่อค.ศ. 1951 มาเป็น 71.1 ปีในค.ศ. 2019 โรงพยาบาลในเขตทิเบตสามารถรักษาโรคได้กว่า 400 อย่าง สำหรับโรคพยาธิไฮดาติด(hydatid), โรคกระดูกและข้อเจริญเติบโตผิดปกติ(Kaschin-Beck), โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคต้อกระจก ซึ่งเป็นโรคที่พบบ่อยในเขตทิเบตในอดีตถูกขจัดหรือป้องกันได้แล้วในปัจจุบัน
(Yim/Zhou/Lu)