การะเกด เอี่ยมพงษ์ไพบูลย์
ตอนเรียนอยู่ปี 4 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจารย์บอกว่ามีทุนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย การสื่อสารมวลชน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ก็จะหางานทำกันโชคดีตอนอยู่ปี 2 เคยมาจีน มาฝึกงานที่เซี่ยงไฮ้ พอได้มาจีนก็รู้สึกว่าเป็นประเทศที่เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ และใช้ชีวิตอยู่ได้อย่าง มีความสุข เพราะอาหารการกินหรือวัฒนธรรม ก็มีส่วนคล้ายคลึงกันทำให้ตัดสินใจไม่ยาก ก็บอกกับอาจารย์ว่าถ้าไม่มีใครไปหนูไปจริง ๆ นะ อาจารย์ก็เลยช่วยติดต่อให้ ก็ไปตรวจร่างกาย ทำเอกสารแล้วก็ส่งมาให้ รออยู่ 2 เดือน ปรากฎว่าได้มากับเพื่อนอีกคนหนึ่ง พอสอบเสร็จวิชาสุดท้ายของปี 4 ก็บินมาคืนนั้นเลยเพราะว่าเป็นช่วงคาบเกี่ยวกัน
เนื่องจากว่าเทอมของไทยกับจีนต่างกัน จีนจะเปิดเทอมปีการศึกษาใหม่ในวันที่ 1 กันยายน
สรุปตอนแรกมาเรียนกับชาวต่างชาติที่ร่วมเรียนในจีนและทางจีนโพ้นทะเลก็ส่งมา
หนูมาเริ่มที่เทอมฤดูใบไม้ผลิ ต้องมาจีนวันที่ 12 มีนาคม ตอนแรก ๆ ที่มาเรียนก็รู้สึกงง ว่าเรียนมา 4 ปีแล้วน่าจะใช้ได้นะ แต่พอเข้าไปจริง ๆ เราก็ไม่ได้เจอภาษาอย่างที่เราคุ้นมา เนื่องจากอาจารย์บางท่าน มาจากต่างถิ่น สำเนียงก็ต่างกันไป เข้าไปวันแรก ๆ ก็รู้สึกอาจารย์พูดเร็วจัง ฟังไม่รู้เรื่องเลย นี่พูดเรื่องอะไร พอดีหนูเรียนเรื่องการสอน การเรียนตอนแรก ๆ เป็นเรื่องของทฤษฏีการสอนของค่ายนั้น ค่ายนี้ บางทีก็มีของทางภาคยุโรปว่าเขาพูดกันว่าอย่างไร มีการวิจัยกันอย่างไรบ้าง อันนี้เราใช้ทฤษฎีอะไรมาจับ เทอมแรกรู้สึกปวดหัว ทุกอย่างมันกระทันหันไปหมด
ตอนไปเรียนเป็นห้องนานาชาติ จะไม่มีเพื่อนคนจีน ก็จะมีอินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งเป็นชาวจีน โพ้นทะเล ภาษาที่เขาใช้เป็นภาษาจีนอยู่แล้วก็ช่วยได้มาก ในห้องก็จะมีเพื่อนคนจีนที่ไปอยู่แคนาดา เป็น 10 ปี ไปทำงานที่โน่นจนได้สัญชาติแคนาดา เขาก็สมัครได้ทุนนั้นมาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็จะมี 4-5 คนนี้ ที่ทำให้ภาษาจีนเราพัฒนาไปได้เรื่อย ๆ
บรรยากาศของห้องเรียนต่างชาติในจีนเป็นอย่างไร
ค่อนข้างสนุกสนาน ด้วยความที่หลายชาติ หลายภาษา เพราะฉะนั้นทุกคนก็จะมีมุมมองที่ แตกต่างกัน โดยเฉพาะเวลาที่เรียนวิชาเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมจะสนุกมาก เพราะทุกคนต่างบอกว่า ประเทศของฉันเป็นอย่างนั้น ประเทศของฉันเป็นอย่างนี้ ซึ่งมีความหลากหลายและแตกต่างกัน ซึ่งทำให้เรานอกจากจะเข้าใจวัฒนธรรมจีนก็ยังเข้าใจประเทศอื่น ๆ เขาเป็นอย่างไรกัน เช่น อินโดนีเซีย บราซิล หรืออเมริกาอะไรอย่างนี้ ทุกคนเป็นกันเองมาก มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เป็นชาวจีน โพ้นทะเลหรือเป็นคนจีนก็มีน้ำใจมาก เวลาที่เราพูดคำไหนผิด เราไม่ได้ เราไปถามเขา เขาก็พยายามที่จะช่วยเหลือเรา เราก็ต้องกระตือรือร้น ก็จะบอกเขาตั้งแต่เจอกันตอนแรกว่าถ้าเผื่อว่าพูดผิดหรือใช้คำผิด บอกได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ เราชอบที่จะให้เขามาแก้ไขให้เราดีขึ้น เราไม่เคยคิดว่าการที่เขามาพูดว่า เราไม่ค่อยดีตรงนั้น ตรงนี้ เป็นการทำให้เรารู้สึกแย่ ไม่ใช่ แต่มันเป็นการพัฒนาตนเอง
ด้วยหลักอย่างนี้นี่เองที่ทำให้เป็นผู้ที่ใช้ภาษาจีน แล้วคนจีนชมว่าใช้ภาษาจีนได้แป๊ะ และรู้จักภาษาจีนได้ดีมาก
อันนี้เป็นจากช่วงแรก ๆ ปีแรกเรียนหนักนิดหนึ่ง ปีแรกเรียนจริง ๆ เขาจัดวิชาให้เราค่อนข้างเยอะ พอเรียนปีที่ 2 เรารู้สึกว่าภาษาจีนของเราโอเคแล้วนะ เราได้แล้ว เราออกต่างจังหวัดดีกว่า ก็จะนัดกับน้องจากจุฬาฯ ที่มาเรียนภาษา ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน เช่น ไปเฉิงตู ไปจิ่วไจ้โกว พอไปถึงที่นั่นอาจเป็นที่ว่าเราเด็ก แล้วก็ทำให้เพื่อนคนจีนที่อายุใกล้เคียงกันเข้ามาทำความรู้จักกับเรา พอรู้จักกันแล้วจริง ๆ ในความคิดของคนต่างชาติ ตอนเข้ามาถึงใหม่ ๆ เพื่อน ๆ ต่างชาติก็คิดกันว่า คนจีน เฮ้อ...ไม่ไหวอ่ะ แรก ๆ เราก็รู้สึก ไม่ประทับใจเขา