แฟนต้าฯพาไปคุย:Mr.WangYuZhe หนุ่ม "รักเที่ยว" (1)
  2012-05-25 16:54:21  cri

"ก่อนไปเรียนต่างประเทศผมไม่นึกอยากจะออกไปเที่ยวไหนนัก แต่ตอนนี้ผมกลับชอบที่จะได้ออกไปดูไปพบไปสัมผัสสิ่งใหม่ๆ ถือว่าการท่องเที่ยวได้เข้ามามีอิทธิพลต่อความคิดและถึงขั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมเลยก็ว่าได้ การท่องเที่ยวได้นำความสุขสนุกมาเติมแต่งชีวิตผมให้มีสีสันมากขึ้น จึงถือเป็นงานอดิเรกที่ผมชอบที่สุด จะพยายามไปเที่ยวให้ได้หลายๆ ประเทศ ไปสัมผัสชีวิตที่แตกต่าง หาประสบการณ์ชีวิตให้ได้มากที่สุด"

หวังอวี้เจ๋อ(王聿喆) หนึ่งในเจ้าหน้าที่ชาวจีน ประจำภาคภาษาฮังการีของซีอาร์ไอ นับเป็นอีกหนึ่งทีมงานคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ที่แม้จะเพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย Communication University of China สาขาวิชาภาษาฮังการี และเริ่มเข้าทำงานในซีอาร์ไอเมื่อปีก่อน แต่ก็มีประสบการณ์การท่องเที่ยวในต่างแดนมาไม่น้อยแห่ง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าจุดเริ่มต้นมาจากการที่เขาเลือกเรียนภาษาฮังการีนี้เป็นภาษาต่างประเทศนั่นเอง อวี้เจ๋อย้อนอดีตให้ฟังว่า ตอนสมัครสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยนั้น ผู้สมัครสามารถเลือกได้ 2 อันดับตามความสมัครใจจากทั้งหมด 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาโปรตุเกส ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และฮังการี ด้วยความที่สองภาษาแรกมีคนเลือกเยอะแล้ว นอกจากอัตราการแข่งขันในการสอบเข้าจะสูงแล้ว ตอนเรียนจบสมัครงานก็คงสูงตามด้วย เมื่อคิดอย่างนี้สองอันดับในใจเขา จึงเป็นภาษาญี่ปุ่นกับฮังการี แต่เพราะเขาสนใจและอยากเรียนรู้ในวัฒนธรรมของประเทศที่มีความต่างและอยู่ห่างออกไปมากกว่า ท้ายที่สุดแล้วจึงตกลงปลงใจเลือกภาษาฮังการีเป็นอันดับหนึ่งและก็สอบได้ดังใจหวัง

"ผมเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ แต่ตอนจะสอบเอ็นทรานซ์พวกท่านก็ไม่ได้มากำหนดขีดเส้นชีวิตหรือกดดันอะไร หวังเพียงให้ผมพยายามเต็มที่และสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีได้ ซึ่งตอนผมเลือกเรียนภาษาที่มีผู้ใช้ไม่มาก แล้วก็ไม่เป็นที่นิยมของผู้เรียนนัก ท่านก็สนับสนุนและเห็นว่าเรียนด้านนี้ก็ดีจบมาจะหางานทำก็ไม่น่าจะยากลำบากเกินไป"

อวี้เจ๋อเล่าต่อว่า เพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนภาษาฮังการีด้วยกันมีทั้งหมด 16 คน ซึ่งการเรียนภาษาฮังการีนั้นถือเป็นเรื่องยากมากทีเดียว เป็นอีกหนึ่งภาษาที่ถูกจัดว่ายากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เพราะไวยากรณ์ของภาษามีความยุ่งยากแล้วก็ไม่มีกฎเกณฑ์แน่นอนตายตัว ต้องอาศัยการฟังการดูให้มากเท่านั้น โดยส่วนตัวแล้วเขารู้สึกชอบและพอใจกับการเลือกเรียนภาษานี้ เพราะคนที่รู้มีน้อยถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของเขา "พลเมืองจีน 1,300 ล้านคนมีคนที่รู้ภาษาฮังการีได้ไม่น่าจะเกิน 100 คน เพราะฉะนั้นถ้าหากผมสามารถเรียนเอาดีกับภาษานี้ได้ ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบมากๆ ซึ่งสำหรับรุ่นผมมีกัน 16 คน เรียนจบแล้วก็สามารถหางานทำได้ทั้งหมด มีประมาณครึ่งหนึ่งที่ทำงานที่ข้องเกี่ยวกับภาษาฮังการี บางคนเรียนต่อปริญญาโท บางคนเป็นตำรวจ และเพราะความพิเศษของภาษาจึงมีไม่น้อยที่ได้เข้าไปทำงานในหน่วยงานของภาครัฐ"

ตามหลักสูตรของทางมหาวิทยาลัย นักศึกษาสามารถเลือกว่าจะไปเรียนที่ประเทศเจ้าของภาษาหรือไม่ก็ได้ ซึ่งในรุ่นของอวี้เจ๋อมี 5 คนได้ทุนไปเรียนหนึ่งปี ส่วนที่เหลืออีก 11 คน ก็ตัดสินใจไปด้วยทุนตนเอง(ผู้ปกครอง) ในระยะเวลาครึ่งปี เมื่อไปถึงก็แยกกันเข้าเรียนตามแต่ระดับความรู้ทางภาษาของแต่ละคน วิชาเรียนก็จะมีเฉพาะในครึ่งเช้าของวันจันทร์-ศุกร์ ซึ่งเขาและเพื่อนก็อาศัยช่วงวันหยุดปลายสัปดาห์หรือวันหยุดตามเทศกาลของที่นั่นนัดไปเที่ยวเปิดหูเปิดตากัน

"ปี 2010 ตอนนั้นอยู่ปีสามเทอมสอง ผมไปศึกษาที่ฮังการีครึ่งปี ตามหลักสูตรแล้วกำหนดว่าเป็นแบบ 3+1 คือ เรียนในประเทศ 3 ปี เรียนต่างประเทศ 1 ปี ถ้าจะไม่ไปเรียนต่างประเทศก็สามารถจบการศึกษาได้เหมือนกัน คือ ถ้ามีนักศึกษาเลือกไม่ไปแต่เหลืออยู่น้อยคน ทางมหาวิทยาลัยก็อาจจัดให้ไปเรียนรวมกับมหาวิทยาลัยอื่น เป็นต้น แต่ที่ผมเองและเพื่อนๆ เลือกไปต่างประเทศนั้น ก็เพื่อได้ไปเรียนรู้ภาษาและสัมผัสกับผู้คนและวัฒนธรรมท้องถิ่นของฮังการีจริงๆ เพราะเมื่อเทียบกันแล้วความรู้ที่เราจะเรียนรู้ได้จากในจีนนั้นถือว่าน้อยมาก โดยเฉพาะเกี่ยวกับภาษาฮังการีที่มีข้อมูลน้อยมาก" ซึ่งเขาว่าถ้าหากฐานะทางครอบครัวไม่ได้ลำบากยากแค้นแสนสาหัสนัก การส่งลูกไปศึกษาต่างประเทศของครอบครัวลูกคนเดียวฐานะปานกลางอย่างเขาถือเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินกำลังนัก "สำหรับตัวผมเองไม่ได้รับทุนการศึกษา ค่าใช้จ่ายในการไปเรียนต่อก็ไม่ถือว่าสูงมาก ตอนอยู่นั่นก็ทำกับข้าวทานกันเอง ไม่ก็แชร์กันหารกันตกแล้วก็ไม่แพง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปท่องเที่ยวพวกเราก็เลือกจองตั๋วล่วงหน้าเพราะจะได้ราคาพิเศษที่ถูกกว่า ที่พักก็ไม่ใช่เลือกโรงแรมหรูอะไรเราพักแบบ youth hostel"

 

อวี้เจ๋อว่า เขาไปเรียนมาครึ่งปีเสียค่าใช้จ่ายรวมแล้วประมาณ 6-7 หมื่นหยวน ซึ่งถือว่าหมดไปกับการท่องเที่ยวเสียส่วนใหญ่ ตอนไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์(กรุงเจนีวา, เมือง Interlaken และเมืองซูริก) กับออสเตรีย(เมือง Salzburg)ไปกันทั้งหมดสี่คน ชาย2 หญิง2 ส่วนเที่ยวกรุงโรม ประเทศอิตาลีกับกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ไปกับเพื่อนหญิง 2 คน และทริปไปเที่ยวโครเอเชียกับมอนเตเนโกรไปกัน 5 คน เพื่อนหญิง 3 คนกับเพื่อนชายชาวฮังการีอีกคน เขาว่าการใช้ชีวิตนักศึกษา 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย ทำให้ได้รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น ได้พบผู้คนและเจอกับเรื่องราวต่างๆมากมาย และที่สำคัญที่สุด คือ ทำให้เขาได้รู้จักกับมนต์เสน่ห์ของการท่องเที่ยว ซึ่งคราวหน้าจะไปพูดคุยกับเขาต่อถึงประสบการณ์และความรู้สึกที่เขาได้รับจากการไปเที่ยวเมืองไทย!

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040