เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:เหตุเกิดบนรถเมล์ ญาติปฏิเสธไม่รู้จักผู้ป่วย
  2012-09-14 17:13:57  cri

เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำและระบบอินเตอร์เน็ตที่ก้าวหน้า นำความสะดวกสบายและช่วยย่อโลกให้เล็กลงสื่อสารถึงกันได้ง่ายขึ้น แต่หากมีผู้นำไปใช้ในทางที่ผิดก็จะเป็นโทษโดยทางตรงหรือส่งผลอ้อมๆ สร้างความปั่นป่วนให้กับสังคมไม่น้อย เหมือนดังกรณีตัวอย่างของปู่เหอ ผู้เฒ่าวัย 74 ปี ชาวนครฉงชิ่ง ขณะโดยสารอยู่บนรถประจำทางสาย 886 ที่มีเส้นทางเดินรถมุ่งไปยังโรงพยาบาลที่เข้ารับการตรวจรักษาอยู่เป็นประจำ แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อโรคประจำตัวกำเริบขึ้นอย่างกะทันหัน พนักงานขับรถแซ่ถังขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ ก็ได้ยินเสียงผิดปกติและมองเห็นภาพเหตุการณ์ผ่านกระจกมองหลัง จึงหยุดรถและเข้าไปสอบถาม เห็นอาการหนักจึงตัดสินใจว่าจะพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อน ซึ่งผู้โดยสารคนอื่นกว่า 20 คนบนรถก็เห็นพร้อมยินยอมด้วยดี เขาจึงกลับรถและใช้เวลาเพียงไม่ถึง 2 นาทีก็ไปถึงยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ นั้น ซึ่งแพทย์ว่าปู่เหอมีอาการหายใจติดขัดเนื่องจากโรคหอบหืด ถ้าถึงช้ากว่านี้อีกนิดก็ไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้แล้วและย่อมมีอันตรายถึงชีวิต

กลุ่มมิจฉาชีพที่รู้ข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ

ทำให้เหยื่อเกิดความหลงเชื่อและถูกล่อลวงได้ง่ายๆ

ภายหลังการตรวจค้นเพื่อหาหลักฐานแสดงตนของผู้ป่วยเพื่อจะได้แจ้งให้ญาติรับทราบ พบว่าสิ่งที่ผู้ป่วยพกติดตัวมีเพียงบัตรโดยสารรถประจำทางฟรีสำหรับผู้สูงอายุ กับโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง ที่มีการบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ไว้เพียง 4 หมายเลขเท่านั้น พนักงานที่เข้าเวรสายรถประจำทางดังกล่าว พร้อมพนักงานคนขับที่นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล ก็ไม่รีรอช่วยกันโทรศัพท์ติดต่อสอบถามดูว่ามีใครรู้จักหรือเป็นญาติของผู้ป่วยบ้างหรือไม่ แต่ปลายสายต่างปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่รู้จักมักคุ้นกับปู่เหอแต่อย่างใด แล้วยังถามกลับอย่างเหน็บแนมแกมสงสัยว่า เป็นแก๊งค์มิจฉาชีพหลอกลวงทางโทรศัพท์ใช่หรือไม่แล้ววางหู ดังนั้น ไม่ว่าจะพยายามโทรติดต่อกลับไปรวม 30 สายได้นับตั้งแต่บ่ายโมงจนปาเข้าไปบ่ายสามแล้ว หรือแม้กระทั่งโอนสายให้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อช่วยยืนยันให้อีกแรงหนึ่งก็แล้ว ก็ยังหาตัวญาติผู้ป่วยมาดูอาการไม่ได้

การได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยแจ้งว่ามีญาติหรือคนรู้จักชื่อนั้นชื่อนี้ประสบเหตุ

หรือเจ็บป่วยกะทันหัน เป็นอีกหนึ่งกลอุบายเพื่อหลอกลวงเงินของแก๊งค์ต้มตุ๋น

จนภายหลังพนักงานทั้งสองคนของสายรถประจำทางดังกล่าวจึงคิดได้ ถึงการอาศัยความทันสมัยแห่งเทคโนโลยี ใช้มือถือถ่ายรูปแล้วส่งข้อความภาพเพื่อยืนยันความจริงถึงเบอร์โทรศัพท์เหล่านั้นอีกครั้ง ทำให้เจ้าของเบอร์ที่อยู่มณฑลกุ้ยโจวแสดงตนยอมรับออกมาได้ว่าเป็นญาติ จัดการแจ้งข่าวไปยังภรรยาของคุณปู่และลูกๆ ที่เดินทางไปต่างเมืองได้รับรู้ และรีบรุดไปดูอาการ ซึ่งพวกญาติปู่เหอก็ต่างขอโทษขอโพยที่กล่าวหาว่าพนักงานทั้งสองเป็นพวกต้มตุ๋น และแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งในน้ำใจของพวกเขาที่ให้ความช่วยเหลือรวมถึงติดต่อโดยไม่ละความพยายาม และว่าที่ไม่เชื่อนั้นเพราะได้ยินและรับรู้ข่าวการหลอกลวงทางโทรศัพท์นี้อยู่บ่อยๆ แล้วก็ทำงานกันเป็นทีม โทรมาหลอกว่ามีญาติประสบอุบัติเหตุบ้างอะไรบ้าง แล้วก็ให้โอนเงินค่ารักษาให้ด่วนเพื่อจะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที ได้ยินว่ามีสารพัดรูปแบบกลโกง พอเจอเข้ากับตัวเองจึงทำให้ไม่กล้าปักใจเชื่อในตอนต้น ซึ่งการไม่หลงปักใจเชื่อง่ายๆ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่จะให้ดียิ่งขึ้นไปอีกก็ต้องพยายามตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นตามด้วย ก็น่าจะช่วยให้เรื่องทุกอย่างกระจ่างมากขึ้น

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040