เมื่อไม่นานมานี้ เด็กจีนในปักกิ่งได้ตื่นเต้นกับสวนสนุกรูปแบบใหม่ที่มีชื่อว่า "บียู เวิร์ล" ซึ่งจัดธีมแบบย่อโลกใหญ่ใบนี้พร้อมด้วยอาชีพต่างๆ ที่น่าสนใจและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ จากการสวมบทบาทสมมติพร้อมด้วยให้ความรู้และเสริมสร้างทักษะผ่านเกมการละเล่น นับเป็นสวนสนุกรูปแบบใหม่สำหรับพ่อแม่ชนชั้นกลางชาวปักกิ่งที่มักปวดหัวกับการพาลูกออกไปเที่ยวนอกบ้าน นอกจากลูกจะได้เที่ยวแล้วยังได้ทักษะความรู้และประสบการณ์ด้วย จึงทำให้สวนสนุกนี้ได้รับความนิยมจากเหล่าบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครอง
เด็กๆ สนุกสนานกับการสวมบทบาทสมมติในสวนสนุกรูปแบบใหม่
"บียู เวิร์ล" เป็นสวนสนุกสำหรับเด็กอายุ 3-12 ปี สร้างสรรค์พื้นที่สำหรับเด็กให้เข้าร่วมสนุกจากการเลือกอาชีพต่างๆ ในสังคมและสวมบทบาทสมมติ ภายในสวนสนุกจะจำลองบรรยากาศเมือง ถนน โรงพยาบาล โรงเรียน สถานีตำรวจ อาคารสำนักงานต่างๆและรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กให้เด็กทดลองขับเพื่อเรียนรู้ระบบจราจร เด็กๆ สามารถเลือกอาชีพตามที่ตัวเองปรารถนาและได้ทดลองสวมบทบาทตามอาชีพนั้นๆ ซึ่งมีอาชีพให้เลือกหลากหลาย อาทิ หมอ ตำรวจ พยาบาล เจ้าของร้านอาหาร ร้านขายของชำ เชฟปรุงอาหาร พนักงานดับเพลิง เป็นต้น อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและกิจกรรมสำหรับเด็กคอยสังเกตและดูแลอย่างใกล้ชิด เด็กๆ มักสงสัยในโลกของผู้ใหญ่ว่า ผู้ใหญ่ทำอะไรกัน อาชีพแต่ละอย่างนั้นทำอย่างไร ที่นี่ก็คลี่คลายความสงสัยได้ในระดับหนึ่ง กระตุ้นให้เด็กเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจเพื่อให้ได้ทำอาชีพในฝันให้เป็นจริง นอกจากเด็กๆ จะได้สิ่งที่กล่าวมาแล้วสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เด็กๆ จะได้รับคือ การอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นที่แตกต่างกันทั้งอาชีพและความคิด กลุ่มที่ร้อยเรียงให้ทุกคนเกี่ยวข้องและมีความรับผิดชอบสังคมร่วมกัน ถือเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีตั้งแต่เด็ก
เด็กชนบทกับหลายบทบาทที่พบเห็นได้ทั่วไป
แต่หากข้ามกรุงปักกิ่งไป ตามชานเมืองปักกิ่งหรือเขตชนบทของจีนไม่ได้มีสวนสนุกหรือพื้นที่สร้างสรรค์ประเภทนี้ที่จะได้เด็กส่วนใหญ่ได้เรียนรู้และลองผิดลองถูกกับบทบาทสมมติ โลกที่พวกเขาสัมผัสและพบเห็นคือโลกใบเดียวกันกับผู้ใหญ่ ไม่สามารถปฏิเสธบทบาทที่ตนกำลังดำรงอยู่ได้ นอกจากเป็นเด็กแล้ว บางคนยังต้องเป็นพี่ที่ต้องดูแลน้องและเป็นแรงงานในไร่นาอีกด้วย บางทีการเรียนรู้ผ่านชีวิตจริงนั้นอาจจะดีกว่าการสวมบทบาทสมมติ เพราะไม่ว่าจะผิดหวังหรือสมหวังนั่นคือประสบการณ์ที่จะหล่อหลอมให้เขาเรียนรู้ชีวิตและเท่าทันกับสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะหนักหรือเบา จะสุขหรือทุกข์ แต่ในเวลาเดียวกัน ในฐานะพ่อแม่ผู้ปกครองหากจะรอนโยบายต่างๆ มาช่วยดูแลอาจจะสายเกินไป และควรต้องเริ่มต้นจากพ่อแม่ผู้ปกครองก่อนที่ต้องช่วยชี้แนะทักษะชีวิตและปกป้องดูแลจนกว่าเด็กจะเข้าใจว่า "โลกนี้เป็นของเราทุกคน ทุกคนมีโอกาสเรียนรู้และเริ่มต้นเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะยากดีมีจน"
สุชารัตน์ สถาพรอานนท์