ดร. หนี หนิงหลิง นักวิชาการด้านปัญหาการเมืองระหว่างประเทศของสถาบันวิจัยทั่วโลกและภูมิภาคเยอรมันกล่าวว่า ข้อพิพาทเกาะเตี้ยวอี๋ว์เป็นปัญหาที่ตกค้างจากประวัติศาสตร์ และส่งผลกระทบถึงปัญหาอื่นๆ อาทิ การกระทำรุกรานอย่างโหดร้ายของญี่ปุ่นที่มีต่อประเทศรอบข้างในสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นควรขอโทษและชดเชยต่อประเทศที่เคยถูกญี่ปุ่นรุกราน ตลอดจนผลกระทบจากความสัมพันธ์พันธมิตรเชิงยุทธสาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นที่ตกค้างมากจากสงครามเย็น ส่วนการที่กองกำลังประเทศจีนเข้มแข็งยิ่งขึ้นนั้น ก็ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านเกิดความกังวล แต่ที่จริงแล้ว ความกังวลเหล่านี้ไม่มีหลักฐานแท้จริง ถ้าตรวจสอบตำราประวัติศาสตร์ จะเห็นได้ว่า ช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา จีนมีบทบาทสำคัญต่อการรักษาความมั่นคงของภูมิภาค จีนไม่เคยมีความปรารถนาที่จะก่อสงครามหรือบุกขยายให้ดินแดนกว้างขึ้น
ดร. หนี หนิงหลิง เห็นว่า ข้อพิพาทเกาะเตี้ยวอี๋ว์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเป็นปัญหาภูมิศาสตร์การเมือง ปัญหานี้มิเพียงแต่เกี่ยวข้องกับจีนและญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังมีการก้าวก่ายจากสหรัฐอเมริกาด้วย หลังจากเกิดข้อพิพาทขึ้นแล้ว จีนแสดงความยับยั้งชั่งใจต่อปัญหานี้ตามนโยบายการต่างประเทศของตนมาโดยตลอด ไม่มีแนวโน้มบุกรุก ดังนั้น ไม่ีมีความจำเป็นที่บางประเทศต้องกังวล ขั้นตอนการรับมือจากจีนแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของจีน
ดร. หนี หนิงหลิงกล่าวว่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุุดลงแล้ว เยอรมันยอมรับการกระทำในสงครามของตน และแสวงหาความปรองดองกับฝรั่งเศสและโปแลนด์ อีกทั้งยังร่วมกันเรียบเรียงตำราเรียนและชำระประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นหลักประกันในการเก็บรวบรวมข้อเท็จจริงทางประวัิตศาสตร์ แต่ในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันยังมีการแบ่งฝ่ายที่ยอมรับและฝ่ายที่ไม่ยอมรับประวัติศาสตร์ และกลุ่มฝ่ายขวาก็เป็นฝ่ายที่ไม่ยอมรับประวัติศาสตร์อีกทั้งยังมีกลุ่มนายทุนพิมพ์ตำราเรียนที่บิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์อีกด้วย
ดร. บิคาล (Bical) นักวิชาการภูมิศาสตร์การเมืองของฝรั่งเศสกล่าวว่า การที่ญี่ปุ่นก่อเรื่อง "การจัดซื้อเกาะเตี้ยวอี๋ว์ให้กลายเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ" นั้น ไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องอย่างแท้จริง แต่เป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น สองฝ่ายควรจัดการเจรจาเกี่ยวกับปัญหานี้ เพื่อไม่ให้ข้อพิพาทุรนแรงยิ่งขึ้น
(Ton/Lin)