เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ในประเทศจีน โดยเฉพาะวงการวรรณกรรม ได้เกิดเหตุการณ์หรือว่าข่าวดีสำคัญอย่างหนึ่ง คือ "โม่เหยียน" นักเขียนชื่อดังของจีนได้คว้ารางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมประจำปี 2012 ทำให้ชาวจีนทั่วประเทศ ชาวจีนในต่างประเทศ ตลอดจนชาวเอเชียรู้สึกยินดีตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าโม่ เหยียนเป็นนักเขียนชาวจีนคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบล ทำให้เขากลายเป็นนักเขีบยที่มีชื่อเสียงดังที่สุดในประเทศจีนขึ้นมากทันที
โม่ เหยียนคว้า "โนเบลสาขาวรรณกรรม" ประจำปี 2012
ชีวประวัติคร่าวๆ ของโม่ เหยียนคือ เขาเกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ปี 1955 ที่ตำบลต้าหลัน เมืองเกามี่ ของมณฑลซานตง ทางภาคกลางของจีน มีชื่อจริงว่า ก่วน โม่เยี่ย จบการศึกษาระดับบริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์ สถาบันศิลปศาสตร์ของทหารปลดแอกประชาชนจีนเมื่อปี 1986 และต่อบริญญาโทที่มหาวิทยาลัยครุศาสตร์เป่ยจิง เมื่อปี 1991 เมื่อปี 2000 ผลงานนวนิยายเรื่อง "ข้าวฟ่างสีเพลิง" ซึ่งภาษาจีนเรียกว่า "หง เกา เหลียง" ได้รับเลือกให้เป็น 1 ฝย 100 นวนิยายภาษาจีนดีเด่นของศตวรรษที่ 20 เมื่อปี 2008 นวนิยายเรื่อง "Life and Death Are Wearing Me Out" หรือชื่อภาษาจีนเรียกว่า "เซิงสื่อผีเหลา" ได้รับรางวัล "หงโหลวเมิ่ง" ครั้งที่ 2 และปี 2011 นวนิยายเรื่อง "วา" ซึ่งแปลว่า "กบ" ได้รับรางวัลวรรณกรรมเหมาตุ้น ซึ่งเป็นรางวัลวรรณกรรมสูงสุดของจีน
โม่ เหยียนได้รับรางวัลวรรณกรรมเหมาตุ้น
โม่เหยียนมีผลงานทั้งนวนิยายขนาดยาว ขนาดกลางและเรื่องสั้น นอกจากนี้ ยังมีบดความ บทภาพยนตร์และบทละครอีกมากมาย ผลงานของเขาถูกแปลออกไป 20 กว่าภาษา มีการจำหน่ายในหลายประเทศ เป็นนักเขียนชาวจีนที่ได้รับการรู้จักอย่างดีในต่างประเทศ นอกจากรางวัลโนเบลแล้ว โม่เหยียนยังได้รับรางวัลอีกมากมายมาก่อนหน้านี้ เช่นเมื่อปี 2001 นวนิยายเรื่อง "จิ่วกั๋ว" ซึ่งภาษาอังกฤษแปลว่า "Republic of Wine" หรือภาษาไทยแปลว่า "สุรานคร" ฉบับภาษาฝรั่งเศสได้รับรางวัล"LaureBataillin"ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้วรรณกรรมต่างประเทศของฝรั่งเศส ปีเดียวกัน นวนิยายเรื่อง "ถันเซียงสิง" หรือภาษาอังกฤษแปลว่า "Sandalwood Penalty" ได้รับรางวัล 1 ใน 10 หนังสือดีเด่นประจำปี 2001 ของหนังสือพิมพ์เหลียนเหอของไต้หวัน ปี 2004 ได้รับเหรียญอัศวินด้านวัฒนธรรมและศิลปกรรมจากรัฐบาลฝรั่งเศส และปีเดียวกันยังได้รับรางวัลวรรณกรรมโนนีโน(NONINO) ของอิตาลีอีกด้วย