นิตยสาร "เดือนตุลาคม" เป็นนิตยสารวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงของจีน และโม่เหยียนมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับนิตยสารเล่มนี้ เฉิน ตงเจี้ยน รองบรรณาธิการใหญ่ของนิตยสารเล่มนี้กล่าวว่า โม่ เหยียนเป็นนักเขียนจีนที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน ผลงานของเขามีความคิดสร้างสรรค์ เชื่อมต่อประเพณีที่มีมาแต่ดั้งเดิมกับสภาพความเป็นจริงในยุคปัจจุบันไว้ด้วยกัน การได้รับรางวัลของโม่เหยียนครั้งนี้ ทำให้วงการวรรณกรรมจีนให้ความสำคัญต่อคุณค่าของวรรณกรรมมากยิ่งขึ้น หลิว สิ่งหลง นักเขียนชื่อดังชาวจีนที่ได้รับรางวัลเหมาตุ้นพร้อมกับโม่เหยียนเมื่อปีที่แล้วแสดงความยินดีต่อโม่เหยียนที่ได้รับรางวัลโนเบล และกล่าวว่า ผลงานของโม่เหยียนพิสูจน์ให้เห็นว่า วรรณกรรมพื้นเมืองมีความสำคัญมาก มีบ้านเกิดที่ยิ่งใหญ่จึงจะมีผลงานวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ได้
โม่เหยียนสมควรได้รับรางวัลโนเบล
ส่วนสวี คุน นักเขียนชื่อดังของจีนกล่าวว่า โม่เหยียนเป็นตัวแทนนักเขียนชาวจีนยุคปัจจุบัน จาก "ข้าวฟ่างสีเพลิง" จนถึง "กบ" เขาเขียนถึงประวัติศาสตร์การอดอยากและทรมาณทางร่างกายของมนุษย์เท่านั้น และที่สำคัญยิ่งกว่านี้คือ เขาเขียนถึงประวัติศาสตร์ทางจิตใจของประชาชาติจีนด้วย หลิว เหิง นักเขียนชื่อดังที่เป็นนายกสมาคมนักเขียนของกรุงปักกิ่งกล่าวว่า โม่เหยียนสมควรจะได้รางวัลโนเบลอย่างยิ่ง การมอบรางวัลในครั้งนี้ นักเขียนชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นการชื่นชมและยกย่องเขาที่มีจิตใจยึดมั่น ฉลาดและมองการณ์ไกล ซื่อสัตย์ ขยันขันแข็ง เราต้องขอบคุณโม่เหยียนด้วยความจริงใจ เพราะไม่เพียงแต่ฉายแสงสว่างแห่งผลงานตนเองเท่านั้น หากยังจะช่วยให้ผลงานวรรณกรรมของประเทศจีนขจรขจายทั่วโลก
หวัง ถง นักเขียนชื่อดังซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการนิตยสารรายเดือน "วรรณกรรมเป่ยจิง" กล่าวว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ที่โม่เหยียนได้รับรางวัลระดับโลก ครั้งแรกคือภาพยนตร์เรื่อง "หงเกาเหลียน" หรือ ข้าวฟ่างสีเพลิง ที่
กำกับโดยจาง อี้โหมว นำแสดงโดยก่ง ลี่ และเจียง เหวิน ซึ่งได้รับคำชื่นชมในระดับนานาชาติ ได้รับรางวัลไก่ทองคำของจีน และรางวัลหมีทองคำของเยอรมนี แม้บางคนเห็นว่า ผลงานของโม่เหยียนใช้ภาษาที่โหดร้ายและชอบสร้างบรรยากาศนองเลือด แต่ในผลงานเขาแทรกอารมณ์ของความสนุกสนานหรือตลกร้ายเอาไว้ด้วย เขาเคยเล่าว่า เนื่องจากภาพยนตร์เรื่อง "หงเกาเหลียง" มีชื่อเสียงมาก จึงมีพ่อค้าคนหนึ่งเปิดร้านยบะหมี่เนื้อแพะโดยตั้งชื่อร้านว่า"หงเกาเหลียง" และมอบบัตรทองให้โม่เหยียนพร้อมระบุว่า สามารถไปรับประทานฟรีได้ตลอดเวลา โม่เหยียนจึงเรียกแท็กซี่ไปร้านนั้น แต่พอกลับมานึกดูแล้วรู้สึกว่า ไม่คุ้มจริงๆ เพราะบะหมี่เนื้อแพะชามละไม่กี่หยวน แต่ค่าเดินทางมากถึงประมาณ 100 หยวน
ไม่ เจีย นักเขียนและนักเขียนบทละครที่มีชื่อเสียงของจีนเห็นว่า เมื่อคนใดคนหนึ่งได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ก็ไม่ใช่เกียรติภูมิของเขาคนเดียวอีกแล้ว กลับเป็นของภาษาที่เขาใช้ รวมถึงชนชาติและประเทศของเขา ขอแสดงความยินดีต่อโม่เหยียนและประเทศจีน เขายังเห็นว่า โม่เหยียนเป็นนักเขียนชาวจีนที่มีความสามารถที่สุด และสร้างคุณูปการมากที่สุดต่อวงวรรณกรรมจีนยุคปัจจุบันในบรรดานักเขียนที่ยังมีชีวิตอยู่ ชาวจีนให้ความสำคัญต่อการยอมรับจากชาวต่างชาติ และโม่เหยียนเองได้รับการยอมรับจากรางวัลโนเบล ถือเป็นบุญวาสนาของวรรณกรรมจีน อย่างน้อยก็น่าจะกระตุ้นชาวจีนให้หันมาสนใจอ่านวรรณกรรมมากยิ่งขึ้น แม้ว่าอาจเป็นระยะสั้นๆ ก็ตาม เพราะว่าปัจจุบัน วรรณกรรมจีนแทบจะตายหายไปเพราะแรงบีบจากรายการบันเทิง ชาวจีนส่วนใหญ่สนใจแต่เรื่องเงิน ไม่ค่อยมีคนสนใจวรรณกรรมอีกแล้ว