แต่ความจริงคือ สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเกิดขึ้นเพราะญี่ปุ่นฝ่ายเดียว โดยญี่ปุ่นยืนกรานที่จะก่อปัญหาเตี้ยวอวี๋ขึ้น ท่ามกลางการคัดค้านและตักเตือนของจีน เพื่อพิทักษ์อธิปไตยและผลประโยชน์สำคัญของประเทศ จีนจึงใช้มาตรการต้อต้านการท้าทายครั้งแล้งครั้งเล่าอย่างเฉียบขาด
สภาพความเป็นจริงคือ ไม่ว่าสมาชิกคณะผู้แทนดังกล่าว หรือชาวญี่ปุ่นที่มีวิจารณญาณและหวังดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นก็ตาม ล้วนไม่ประสงค์ที่จะเห็นความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายเลวร้ายลง ดังนั้น นอกจากต้องพยายามทำลายภาวะชะงักงันแล้ว ยังต้องระมัดระวังไม่ให้ความเป็นคู่อริกันระหว่างสองฝ่ายดำรงอยู่ต่อไปในอนาคต
ว่ากันว่า "ผู้แก้ปัญหาต้องเป็นผู้ก่อปัญหาขึ้น" ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายก่อปัญหาเกาะเตี้ยวอวี๋ขึ้น และสหรัฐฯ เป็นฝ่ายยุยงอยู่เบื้องหลัง ปัญหาเกิดจากการที่ญี่ปุ่นแอบอ้างว่าเกาะแห่งนี้เป็นดินแดนของตนเมื่อ 100 กว่าปีก่อน และการที่สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นมอบรับกันเองหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบัน ปัญหาเกาะเตี้ยวอวี๋ได้กลายเป็นสิ่งสะท้อนยุทธศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิก ตลอดนโยบายต่อจีนของสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า ไม่ว่าญี่ปุ่นจะใช้เล่ห์เหลี่ยมร้อยแปดพันเก้าอย่างไร สุดท้ายต้องเดือดร้อนตัวเอง ส่วนสหรัฐฯ ดูท่าทางจะยึดถือความเป็นธรรม แต่จริงๆ แล้วเข้าข้างญี่ปุ่น อยากเอาดีทั้งซ้ายทั้งขวา ในที่สุดก็จะตกในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ดี การจะทำลายภาวะชะงักงันระหว่างจีนกับญี่ปุ่น สิ่งสำคัญคือ ญี่ปุ่นต้องเลิกใช้ท่าทีแบบหน้าไหว้หลังหลอกและเจรจากับจีนด้วยความจริงใจ ส่วนสหรัฐฯ ต้องใช้ปฏิบัติการให้ตรงกับคำพูด โดยไม่ยึดถือจุดยืนใดๆ ในปัญหาอธิฺปไตยเหนือเกาะเตี้ยวอวี๋อย่างแท้จริง ญี่ปุ่นถึงจะเลิกเฟ้อฝันในปัญหานี้