จีนปริทรรศน์ :
หลังจากสิ้นสุดเทศกาลตรุษจีน ก็จะถึงช่วงเวลาการเพาะปลูกตามความเชื่อของชาวจีน เพราะอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อย ดอกไม้ก็เริ่มผลิดอกแย้มใบออกมาทักทายแสงแดดหนาว แม้จะยังมีลมแรงและหิมะหลงโปรยปรายลงมาบ้าง แต่พืชพันธุ์ต่างๆ ก็ไม่ย่อท้อที่จะเติบโต
ซึ่งช่วงนี้เป็นฤดูกาลของจีนที่สังเกตุเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้อย่างเด่นชัดที่สุด แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูกาลที่สั้นที่สุดก็ตาม นั่นก็เพราะทุกผู้คนต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อจากที่ต้องทนซุกตัวอยู่ในเสื้อผ้าหนาอุ่นมาตลอดเกือบ 6 เดือนของฤดูหนาวอันหฤโหด และผู้คนเองก็ไม่แตกต่างไปจากต้นไม้ดอกไม้ เพราะเมื่อฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้มาถึง ก็จะลดจำนวนเครื่องห่อคลุมกายให้น้อยลง สาวๆ ทันสมัยบางคนถึงกับเปลี่ยนจากแลงกิ้งแบบหนามาเป็นถุงน่องบางลายสวยกันอย่างไม่กลัวผิวสะท้าน แถมยังโละเสื้อโค้ดสีทึมทึบเก็บเข้าตู้ เปลี่ยนมาเป็นที่มีสีสันสดใสมากขึ้น รองเท้าก็เช่นกัน บู้ททรงสูงก็ถูกบรรจุเข้ากล่อง เปลี่ยนเอาสนีกเกอร์หรือรองเท้าผ้าใบคู่เก่งออกมามาผัดฝุ่นใส่เพื่อความกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้นในการเดินออกไปรับอากาศที่แสนจะสดชื่นและอบอุ่น
ที่บอกว่าสังเกตได้ชัดก็เพราะพฤติกรรมทั้งของมนุษยโลกและพรรณพฤกษาที่ต่างพร้อมใจกันต้อนรับฤดูกาลใหม่เช่นนี้เอง
สำหรับชาวจีนนั้น แม้วิถีชีวิตจะมีความทันสมัยปานใดผ่านเข้ามา แม้จะสามารถเช็กค่าฝุ่นละอองในอากาศและอุ่ณหภูมินอกบ้านได้ผ่านแอพริเคชั่นสุดเจ๋งในโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน แต่ที่ฝาผนังก็ยังมีปฏิทินแบบเก่าแบบฉีกทิ้งได้เป็นแผ่นๆ ซึ่งให้รายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับห้วงเวลาสิริมงคลประจำวัน ทั้งยังคอยเตือนว่าช่วงนี้อยู่ในฤดูกาลไหนของเดือน และเป็นวันสำคัญอะไร เช่น วันนี้ตรงกับวัน "ชิงหมิง" ที่ทุกคนต้องหวนคืนกลับไปไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งก่อนอื่นในคืนวันสุกดิบก็ต้องออกไปเผากระดาษเงินกระดาษทองหรือแบ๊งกงเต๊กที่ทางแพร่งริมถนน เพราะเชื่อว่าดวงวิญญาณสามารถสัญจรมารับส่วนบุญกุศลนี้ได้สะดวก และอีกอย่างก็ดีกว่าการไปเผาในป่าในดงซึ่งเสี่ยงต่อการถูกตั้งข้อหาวางเพลิงได้ พอเช้ามาก็ต้องไปซื้อดอกเบญจมาศที่ตลาดดอกไม้เสียแต่เช้าก่อน เพราะไปสายอาจจะหมด
คนไทยที่คิดจะจีบสาวจีน อย่าคิดว่าดอกเบญจมาศหลากสีสวยงามเหมาะจะถูกจัดเข้าช่อมอบให้เธอเป็นของขวัญในวันนัดพบล่ะ เพราะนอกจากเธอจะไม่รับรักที่ไปแช่งชักหักกระดูกว่าเป็นผีสางบรรพบุรุษแล้ว ยังอาจจะโดนส้นสูงสี่นิ้วที่สาวทันสมัยปัจจุบันนี้นิยมใส่กันเคาะเอาด้วยก็ได้