เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การการท่องเที่ยวโลกประกาศรายงานว่า ปัจจุับัน นักท่องเที่ยวจีนกลายเป็นแหล่งที่มาของเงินสดการท่องเที่ียวอันดับหนึ่งของโลก รวมถึงปัจจัยที่ค่าเงินหยวนสูงขึ้นแล้ว เมื่อปี 2012 รายจ่ายการท่องเที่ยวในต่างประเทศของนักท่องเที่ยวจีนสร้างสถิติสูงขึ้นเป็น 102,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปี 2011
องค์การการท่องเที่ยวโลกระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 10 ล้านคนของเมื่อปี 2000 มาเป็น 83 ล้านคนในปี 2012 ทำให้จีนกลายเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด และพลังขับเคลื่อนการเติบโตเช่นนี้คืออะไร รายงานชี้ให้เห็นว่า สาเหตุคงเป็นกระบวนการความเป็นชุมชนเมืองที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว รายได้ของชาวจีนเพิ่มขึ้นและรัฐบาลผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยวต่างประเทศ
รายงานยังระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้จีนแซงหน้าเยอรมนีและสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่มีรายจ่ายด้านการท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนมากที่สุดของโลก โดยนักท่องเที่ยวจีนมีรายจ่ายถัวเฉลี่ยประมาณ 1,230 เหรียญสหรัฐฯ ต่อการออกเดินทางไปต่างประเทศแต่ละครั้ง
ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจีนชอบอะไร คำตอบคือการชอปปิ้งซื้อของ ซึ่งดร.เฉิน หย่ง นักวิจัยการท่องเที่ยวต่างประเทศจีนมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคฮ่องกง (The Hong Kong Polytechnic University) เห็นว่า สิ่งที่แตกต่างกับนักท่องเที่ยวทั่วโลกคือ นักท่องเที่ยวจีนชอบการจับจ่ายซื้อของ นี่เป็นความแตกต่างที่เห็นชัดมาก โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อ 10 ปีก่อน นักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่จะซื้อของที่ระลึกพื้นเมือง แต่ปัจจุบัน พวกเขามีความนิยมมากขึ้นในการซื้อสินค้าหรูหราราคาแพง อาทิ กระเป๋าหรือนาฬิกาแบรนด์แนมของอิตาลีหรือปารีส
ดร. หวาง ลี่จี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการท่องเที่ยวต่างประเทศจีนมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคฮ่องกงก็กล่าวว่า การซื้อของเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของนักท่องเที่ยวจีน สินค้าหรูหราในเมืองสากลอื่นๆ ของโลก จะถูกกว่าที่ขายในจีนประมาณ 20% - 30% สำหรับผู้บริโภคจีน ถ้ามีแผนจะซื้อสินค้าแบรนด์เนมต่างประเทศที่มีราคาราว 10,000 เหรียญสหรัฐฯ งั้นการจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินราคา 1,000 เหรียญไปซื้อของในต่างประเทศก็นับว่าคุ้มค่ามาก
เขายังกล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นการแสดงให้เห็นความเจริญของจีน ดังนั้น รัฐบาลจึงยินดีและสนับสนุนให้ชาวจีนไปท่องเที่ยวต่างประเทศ สำหรับนักธุรกิจชาวจีน สหรัฐฯ เป็นคู่แข่งรายเดียวของโลก พวกเขาสนใจรูปแบบการพัฒนาแบบทุนนิยม จึงอยากจะไปดูเองเพื่อทำความรู้ความเข้าใจมากขึ้น และใช้ความพยายามต่อไปเพื่อให้จีนกลายเป็นที่ 1 ของโลก
ส่วนชาวจีนที่มีอายุเกินกว่า 40 มักจะมีความทรงจำในอดีตอย่างชัดเจน และรู้สึกภาคภูมิใจต่อชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ดร. หวาง ลี่จีกล่าวว่า หลายสิบปีก่อน รุ่นพ่อแม่ของเราบางคนยากจนมากกระทั่งไม่มีรองเท้าให้ใส่ แต่ปัจจุบัน จีนเติบโตเร็วมาก ซึ่งชาวจีนกำลังแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า ผมสามารถไปท่องเที่ยวต่างประเทศและใช้เงิน 5,000 เหรียญสหรัฐฯ ก็เพื่อให้ตัวเองมีความสนุกเท่าันั้นเอง
(Yim/Lin)