ในยุคที่สื่อโซเซียลมีเดียมาแรง เด็กสามารถสัมผัสกับชุมชนเสมือนจริงได้ เวลานี้ เมื่อมีการนิยมใช้เทคโนโลยีสื่อสารเคลื่อนที่มากขึ้น ผู้คนนับวันพึ่งพาสื่อโซเซียลมีเดียมากขึ้น รายงานผลการวิจัยฉบับหนึ่งจากสหรัฐอเมริการะบุว่า เด็กอเมริกันโดยเฉลี่ยใช้เวลากับสื่อโซเซียลมีเดียกับสื่อบันเทิงวันละ 4 ชั่วโมง มีสมาธิสั้นลงและขาดการติดต่อกับภายนอกและเพื่อนเด็ก ทำให้เกิดความหวาดระแวงขึ้นมารอบใหม่ พ่อแม่ผู้ปกครองเป็นห่วงว่า สื่อโซเซียลมีเดียจะเป็นภัยคุกคามต่อการเจริญเติบโตของเด็ก ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ควรตัดขาดจากกันกับสื่อดังกล่าวในเวลาที่เหมาะสม และกลับมาสัมผัสกับสภาพที่เป็นจริง เพราะว่าในแง่รูปแบบการติดต่อระหว่างมนุษย์กับมนุษย์แล้ว การสัมผัสกับชีวิตที่เป็นจริงจะมีความสำคัญกว่ามาก
ปัญหาอยู่ที่ว่า บางคนอยากจะหนีจากความเป็นจริง หรือ หนีหน้าไม่อยากคบหาสมาคมกับผู้อื่น พร้อมกันนี้ ก็อยากให้ "มีคนมารับฟังฉัน" คือ มีแฟนจำนวนมาก มีคนคอยฟังอยู่เสมอ และมีคนคอยดูแลเอาใจใส่ทางออนไลน์ ทั้งๆ ที่ในชีวิตประจำวันนั้น ไม่ค่อยมีคนมาเอาใจใส่อย่างเพียงพอ แท้ที่จริงแล้ว นี่ก็สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนของมนุษย์ คือ กลัวความโดดเดี่ยว ใฝ่หาความเอาใจใส่ แต่ก็ไม่กล้าสนิทสนมมากเกินไป ควรเป็นแบบไม่ใกล้เกินไม่ไกลเกิน ดังนั้น สื่อโซเซียลมีเดียจึงสามารถตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในตรงนี้ได้อย่างพอเหมาะพอดี ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ามีคนคอยดูแลเอาใจใส่และคอยเป็นเพื่อนกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กที่กำลังเจริญเติบโตนั้น ควรมีการคบหาแลกเปลี่ยนทัศนะกับผู้อื่นแบบเห็นหน้าค่าตาตรงไปตรงมาดีกว่า คือ ควรพูดคุยกันแบบเจอหน้ากัน จึงจะสามารถทำความเข้าใจกันได้อย่างจริงจัง เด็กที่ใช้สื่อโซเซียลมีเดียมากเกินไป อาจจะมองข้ามการติดต่อมีมนุษย์สัมพันธ์แบบต่อหน้ากัน อาจจะทำให้กลายเป็นคนที่พูดน้อย เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์สัมพันธ์ของเด็กในอนาคต เด็กบางคนมีความคึกคักมากในสังคมออนไลน์ แต่ในชีวิตความเป็นจริงนั้น กลับไม่ค่อยพูดจากับผู้อื่น
ภาพยนตร์โฆษณาของจีนเรื่องหนึ่งระบุว่า จีนมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตกว่า 500 ล้านคน ในจำนวนนี้ หลายคนหมกมุ่นอยู่กับการจิ้มคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ไอแพด ไอโฟน หรือ สมาร์ตโฟน คนเดียว โดยเหินห่างจากคนในบ้าน เช่น ในช่วงเวลารับประทานอาหาร พ่อแม่รับประทานอยู่ แต่ลูกกลับเล่นมือถืออยู่อีกมุมหนึ่ง ทิ้งให้พ่อแม่รับประทานอย่างเหงาหงอย ทำให้บ้านที่เป็นสถานที่รวมความรักความผูกพันของคนในครอบครัว มีพ่อ แม่ ลูก อยู่ด้วยกัน กลับดูเหมือนเป็นสถานที่ที่ต่างคนต่างอยู่ แยกกันไปคนละมุม คนละห้อง ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน เป็นการสร้างความโดดเดี่ยวขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงและน่าขบคิดยิ่งในสังคมที่นิยมใช้สื่อโซเซียลมีเดียในทุกวันนี้
(YIM/LING)